หลายคนขมวดคิ้วขณะที่พวกเขามองไปที่หลิงตู้ฉิง
พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกว่าหลิงตู้ฉิงแสดงท่าทีโอหังมากเกินไป
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นสำนักวิญญาณโลหิต เจตจำนงกระบี่นี้ก็ไม่ใช่ของเขาเช่นกัน มันเป็นเจตจำนงกระบี่ที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพกระบี่ ซึ่งเจ้าที่กลับชาติมาเกิดก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรขึ้นมาด้วยซ้ำ
อันที่จริงไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ แม้แต่ตงฟางไป๋ก็มองหลิงตู้ฉิงอย่างดูหมิ่น พลางสบถด่าในใจ
‘เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเองที่มาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการงั้นหรือ? ช่างไม่สำนึกบ้างเลยว่าในตอนนี้สำนักของเจ้าเองยังแทบเอาตัวไม่รอดจากปัญหาภายในสำนักของเจ้า!’
“อาจุน เจ้าจงดูดซับเจตจำนงกระบี่ได้เลย ข้าอยากจะเห็นนักว่าพวกเขาจะผ่านทัณฑ์สวรรค์กันยังไง!” ตงฟางไป๋โทรจิตเสียงของเขาไปหาตงฟางจุน
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่มันก็ไม่เหมาะสมที่เขาจะเผชิญหน้ากับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อย่างเปิดเผย
แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะไม่ดีนัก แต่มันก็ไม่มีความเกลียดชังระหว่างกันจนถึงขั้นแตกหัก
ถ้าเขาขัดขวางการผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเย่หยูหลันอย่างเปิดเผย นั่นจะเป็นการสร้างความบาดหมางอย่างสิ้นเชิง
เมื่อได้รับโทรจิตเช่นนี้ ตงฟางจุนก็รู้สึกหมดหนทาง เขายิ้มอย่างอ่อนใจและตอบกลับว่า “ท่านปู่ ข้าคิดว่าเราควรดูไปก่อน”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการดูดซับเจตจำนงกระบี่ ในเวลานี้เขารู้ตัวดีว่าเจตจำนงของกระบี่ไม่สนใจเขาอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจะดูดซับมันได้อย่างไร?
ในขณะนี้คนที่ตะโกนว่าเขาจะผ่านทัณฑ์สวรรค์ จู่ ๆ ก็มีความกล้ามากขึ้นหลังจากได้รับการสนับสนุนจากเหล่าสหายที่อยู่ข้าง ๆ เขา จากนั้นเขาพูดกับหลิงตู้ฉิง “ข้าจะเริ่มผ่านทัณฑ์สวรรค์ในตอนนี้ หากเจ้ากล้าทำอะไรกับข้า ต่อไปคนทั้งโลกจะได้รู้ว่าธาตุแท้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันเป็นยังไง!”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญ และยิ้มอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
เขาเคยเจอมาเยอะแล้วกับพวกคนโง่เง่าเช่นนี้
ในเวลานั้นวิธีเดียวที่จะจัดการให้คนประเภทนี้หุบปากได้ก็คือการฆ่าพวกมันจนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรงต่อหน้าเขา
แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาไม่สามารถฆ่าคนได้อย่างใจนึก ดังนั้นเขาจึงต้องใช้วิธีอื่นในการสั่งสอนคนเหล่านี้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ซึ่งคำตอบก็คือการยืมใช้เจตจำนงของทาสกระบี่ที่มีนิสัยคล้ายคลึงกับเขามากที่สุด
เย่ชิงเฉิงพูดอย่างประหม่า “สามีเราจะทำยังไงดี หากเป็นแบบนี้คนพวกนี้จะส่งผลกระทบต่อป้าหลันแน่นอนเลยใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล มันไม่ใช่ทุกคนที่สามารถยืมอำนาจของเจตจำนงกระบี่เพื่อผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ หากมีใครคนอื่นลองผ่านทัณฑ์สวรรค์ตอนนี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน การสังหารนั้นมันง่ายกว่าการต้านสายฟ้าจากทัณฑ์สวรรค์เป็นไหน ๆ!”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็มองไปที่คนที่กำลังเตรียมรับทัณฑ์สวรรค์
ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญยิ้มอย่างเย็นชาให้หลิงตู้ฉิง และเริ่มเร่งโคจรพลังวิญญาณของเขาออกมาอย่างยั่วเย้าหลิงตู้ฉิง เพื่อเตรียมพร้อมที่จะผ่านทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งในขณะเดียวกันสหายของอีก 2-3 คนก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาระแวดระวังกลัวว่า หลิงตู้ฉิงจะลงมือ
ส่วนผู้คนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบต่างก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาสนใจเช่นกัน
การปิดกั้นผู้อื่นไม่ให้ผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้นเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างสิ้นเชิง ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ มันคงจะก่อให้เกิดความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะกล้าทำแบบนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?
แต่แล้วในชั่ววินาทีถัดมาที่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญกำลังโคจรพลังวิญญาณของเขาจนเกือบจุดสูงสุดพร้อมที่จะรับทัณฑ์สวรรค์ จู่ ๆ เจตจำนงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากกระบี่ที่ลอยอยู่เหนือบัลลังก์เข้าไปหาผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญผู้นั้นทันที ส่งผลให้ร่างของเขาสลายหายไปไม่เหลือไว้แม้แต่ร่องรอยใด ๆ!
ชะตากรรมเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่กลุ่มคนที่ฝึกฝนวิชาของสำนักวิญญาณโลหิตต้องเผชิญเมื่อครู่แม้แต่น้อย
หลิงตู้ฉิงที่รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก็มองไปที่เหล่ากลุ่มคนที่ตะโกนด่าเขาเมื่อครู่อย่างไม่ไยดีโดยที่ไม่พูดอะไร
เหล่าคนกลุ่มนั้นที่เห็นว่าสหายของตัวเองถูกสังหารลงไปอย่างโหดเหี้ยมต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ทุกคนต่างจ้องไปที่กระบี่ที่อยู่เหนือบัลลังก์ในห้องโถง และจากนั้นพวกเขาก็เบนสายตาไปที่ตงฟางจุน
“นี่เจ้า…” เหล่ากลุ่มคนที่สูญเสียสหายไปเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ
ทางด้านของตงฟางจุนก็โกรธมากเช่นกันพร้อมสบถในใจ แม่งเอ๊ย! ข้าไม่ได้ฆ่าเขาสักหน่อยทำไมพวกเจ้าถึงมองข้าแบบนี้!?
ตอนนี้เขารู้สึกหมดหนทางมาก เนื่องมันเป็นเพราะทุกคนเขาว่าเขาคือเทพกระบี่ที่กลับชาติมาเกิด มันจึงพาลให้ทุกคนคิดเข้าใจว่าเขาคือผู้ลงมือ
ตงฟางไป๋ที่ได้เห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงเช่นกันและพูดว่า “อาจุน…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)