หลังจากมาถึงที่ตำหนักยุทธภัณฑ์ หลิงตู้ฉิงก็ได้เปิดผนึกทั้งหมดในตำหนักยุทธภัณฑ์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจอาวุธที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แม้แต่น้อย เขาเอาแต่เลือกเก็บรวบรวมอาวุธที่แตกหักเสียหายเก็บเข้าแหวนมิติของตนเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เว่ยกวนและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกตื้นตันใจจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ดี
นี่มันคือการประพฤติตนของบรรดาบรรพบุรุษรุ่นก่อนอย่างแท้จริง ในอดีตพวกเขาต่างได้ทิ้งสมบัติวิเศษต่าง ๆ นานาเอาไว้มากมายที่พวกเขาสร้างไว้ให้กับชนรุ่นหลังเพื่อพัฒนาและปกปักรักษาสำนัก แต่แล้วในตอนนี้เมื่อบรรพบุรุษกลับมา เขากลับเลือกเหล่าเศษอาวุธที่แตกหักเสียหายเหล่านี้ไปแทน เขาช่างเป็นบรรพบุรุษที่มีเกียรติและน่ายกย่องอย่างแท้จริง
“บรรพบุรุษ ข้าเห็นว่าเรายังมีอาวุธระดับจักรพรรดิอยู่สี่หรือห้าชิ้นในตำหนักยุทธภัณฑ์ มันคงไม่เป็นไรหรอกถ้าท่านจะเอาไปสักชิ้นหนึ่ง” เว่ยกวนให้คำแนะนำ
หนิงฉิงพูดเสริม “นายท่าน อาวุธจักรพรรดิเหล่านี้ต่อให้พวกเรามีมันเก็บไว้หลายชิ้นไปก็เท่านั้น เพราะในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ผู้อาวุโสเว่ยกวนเท่านั้นที่สามารถสำแดงพลังของมันได้อย่างเต็มที่ ส่วนพวกเราคนอื่น ๆ เองยังคงต้องใช้เวลาฝึกฝนกันอีกนาน นอกจากนี้แม้ว่านายท่านจะมีท่านเจ้าสำนักอยู่เคียงข้าง แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าสำนักในตอนนี้ก็ถือว่าอาจจะยังไม่เพียงพอ”
ทางด้านของหมิงยู่เองก็ร่วมให้คำแนะนำแก่หลิงตู้ฉิงด้วยเช่นกัน ว่าเขาควรนำอาวุธระดับจักรพรรดิติดตัวไปบ้างเพื่อป้องกันตัว
เมื่อเผชิญกับการคะยั้นคะยอเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกพูดไม่ออก
ในตอนนั้นเมื่อตอนที่พวกเขาปิดผนึกสำนักวิญญาณโลหิต เหล่าคนของสำนักวิญญาณโลหิตพยายามปกป้องสมบัติเหล่านี้แทบตายเพื่อไม่ให้เขานำมันไป ซึ่งอันที่จริงเขาเองก็ไม่เคยเหลียวแลพวกอาวุธระดับจักรพรรดิเหล่านี้เลยสักนิด
แต่ตอนนี้คนเหล่านี้กลับพยายามให้เขาเลือก 1 ชิ้นเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเอง?
อันที่เขาเลือกเช่นนี้ก็เพราะ มันจะดีกว่าสำหรับเขาที่จะเลือกอาวุธที่เสียหายแล้วมาแยกชิ้นส่วนและเอาวัสดุที่มีประโยชน์จากพวกมันมาสร้างสมบัติใหม่
ดังนั้นมันคงเป็นการดีกว่าที่เขาจะปล่อยให้สมบัติอื่น ๆ ที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เอาไว้ที่นี่เพื่อให้คนเหล่านี้เอาไว้ใช้
ในท้ายที่สุดไม่ว่าหนิงฉิงและคนอื่น ๆ จะขอร้องอย่างไร หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้เลือกอาวุธระดับจักรพรรดิไปแม้แต่ชิ้นเดียว
สิ่งนี้เกือบจะทำให้ผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม
ท่านบรรพบุรุษของพวกเขาช่างมีจิตใจที่งดงามยิ่งนัก!
เมื่อเดินออกจากตำหนักยุทธภัณฑ์ และกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ เย่ชิงเฉิงที่รอเขาอยู่ก็ถามว่า “สามี ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
ในฐานะคนนอก มันไม่สะดวกสำหรับเย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ที่จะเข้าไปในตำหนักโอสถและตำหนักยุทธภัณฑ์ของสำนักวิญญาณโลหิต อย่างไรก็ตามพวกเขาก็กังวลเช่นกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันกลับมาและพูดกับเว่ยกวน “ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้าและมันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า!”
เว่ยกวนรีบพูดว่า “ท่านบรรพบุรุษ ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงใจ หากท่านมีคำขอใด ๆ เพียงแค่บอกข้า ข้าจะรีบดำเนินการอย่างเต็มที่ให้ในทันที!”
“ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าแค่ต้องการให้เจ้าใช้พลังแห่งเจตจำนงขอบเขตจักรพรรดิของเจ้าเพื่อเปิดบางสิ่งให้ข้า” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
สิ่งที่เขาต้องการจะเปิดนั้นเป็นกุญแจของสุสานศักดิ์สิทธิ์
ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะหาโอกาสที่จะเปิดมันหลังจากที่เขาไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดถึงความไม่แน่นอนหลายอย่างในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงเลือกที่จะให้สำนักวิญญาณโลหิตเป็นผู้เปิดมันจะดีกว่า
เนื่องจากตอนนี้ทุกอย่างของสำนักวิญญาณโลหิตอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และเว่ยกวนก็ทำตัวกลายเป็นลูกหลานที่ดีที่ให้ความเคารพเขาเหมือนบรรพบุรุษของตนเอง เขาจึงรู้สึกว่าจะดีกว่าถ้าให้เว่ยกวนเปิดกุญแจสู่สุสานศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักวิญญาณโลหิต
และแน่นอนว่าตามนิสัยของเขาแล้ว หากเขาขอความช่วยเหลือจากเว่ยกวน เขาก็จะตอบแทนบางอย่างกับเว่ยกวนด้วย
“สามี ข้าขอไปดูด้วย!” เย่ชิงเฉิงรีบพูด
นางรู้ทันทีว่าหลิงตู้ฉิงจะเปิดอะไร ซึ่งนางเองก็อยากจะเห็นว่าสุสานนี้อยู่ที่ไหน
เว่ยกวนรีบตอบกลับทันทีว่า “ท่านบรรพบุรุษ ถ้างั้นพวกเราไปที่ด้านข้างของทะเลโลหิตกันก่อน ข้าจำเป็นต้องใช้อำนาจแห่งมหาเต๋าโลหิตที่สถิตอยู่ที่นั่นในการเสริมอำนาจของเจตจำนงของข้าให้สำแดงออกมาได้อย่างเต็มที่”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา งั้นก็ไปที่นั่นกันเลย”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ออกคำสั่งให้คนอื่น ๆ รอต่อไป ส่วนตัวเขาก็พาเย่ชิงเฉิงและหมิงยู่กลับไปที่ทะเลโลหิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)