กู๋หยงฟานเป็นผู้เดินออกไปส่งหลิงตู้ฉิงออกจากตระกูลด้วยตนเอง จากนั้นเขาก็รีบวิ่งกลับไปหาโลงศพที่อยู่ใต้ดินและถามขึ้นทันที “ท่านบรรพบุรุษ นี่เราเป็นลูกหลานของตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพกระบี่อีกงั้นเหรอ?”
ตัวตนในโลงตอบกลับว่า “เจ้าจะไปยึดติดกับเรื่องเหล่านี้ทำไม? การเป็นลูกหลานของใครนั้นมันสำคัญยังไง? ในตอนนี้พวกเจ้ายังไม่มีใครที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิด้วยซ้ำ ดังนั้นเจ้ายังจะมีหน้ามาถามถึงเรื่องบรรพบุรุษของเราไปเพื่ออะไร?”
เมื่อได้ยินคำตำหนิเช่นนี้ กู๋หยงฟานก็ได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและไม่กล้าถามอะไรเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเขาต่ออีก เนื่องจากในตอนนี้เขาคือคนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดในตระกูล
ส่วนบรรพบุรุษเขาที่อยู่ในโลงนั้นถึงแม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากก็จริง แต่เมื่อไหร่ที่เขาออกมาจากโลงศพ เมื่อนั้นเขาก็จะหายไป ซึ่งมันนับได้ว่าผู้ที่อยู่ในโลงศพคือไพ่ใบสุดท้ายของตระกูลกู๋ หากตระกูลไม่ได้เผชิญกับหายนะที่ทั้งตระกูลกำลังจะถูกทำลายล้างเมื่อนั้นเขาจะไม่ออกมาจากโลงเด็ดขาด
“บรรพบุรุษ แล้วเรื่องแผนที่นี้เราจะเอายังไง?” กู๋หยงฟานถามขึ้น
ตัวตนในโลงถอนหายใจและตอบว่า “เจ้าจะไปตื่นเต้นทำไมกับอีแค่สุสานของตัวตนระดับสูงแค่นี้? ในอดีตตอนที่ตระกูลของเรา… เฮ้อช่างเถอะ เรื่องพวกนั้นมันผ่านมานานแล้ว เอาเป็นว่าแผนที่นี้พวกเราไม่ควรที่จะเก็บมันไว้เพียงคนเดียว พวกเราจะต้องนำมันออกไปเปิดเผยให้คนภายนอกได้รู้ จากนั้นเมื่อถึงเวลาพวกเราค่อยหาโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากมันมาบางส่วนก็พอ พวกเราไม่ควรโลภเกินไปไม่เช่นนั้นมันอาจจะกลายเป็นหายนะต่อพวกเราได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู๋หยงฟานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของบรรพบุรุษเขา และจากไปเปิดดูแผนที่นั้นอย่างเงียบ ๆ
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาออกมาจากตระกูลกู๋ เขาก็ยังคงรู้สึกสงสัย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนตระกูลนี้ถึงต้องแอบอ้างว่าเป็นลูกหลานของเขา ทั้ง ๆ ที่เขามีศัตรูเยอะแยะมากมาย
แต่ไม่ว่าตระกูลกู๋จะมีแผนการอย่างไร ในเมื่อเขาสัมผัสได้ว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ดังนั้นเขาจึงมอบแผนที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ให้ไป ซึ่งมันก็คือลาภที่ตระกูลกู๋ไม่อาจจะแบกรับได้ไหวและมันจะต้องทำให้ตระกูลกู๋พบกับหายนะในอนาคตแน่นอน
“สามี พวกเขาใช่ลูกหลานตัวจริงของเทพกระบี่รึเปล่า?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นก้วยสีหน้าสงสัย
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “พวกเขาไม่ใช่! ข้าล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเทพกระบี่นั้นมีลูกหลานที่สืบสายเลือดของเขาจริง ๆ รึเปล่า เอาล่ะต่อไปพวกเราไปหาหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่อยู่ในเมืองกระบี่เมฆากันก่อนเพื่อหาข้อมูลต่อไป”
ในเมื่อทั้งสามตระกูลต่างไม่ใช่ลูกหลานตัวจริงของเทพกระบี่ ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ไหมที่ลูกหลานตัวจริงยังคงซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด?
หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาได้มาถึงเมืองกระบี่เมฆา หลิงตู้ฉิงก็มุ่งหน้าไปที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ทันที
ซึ่งเมื่อเข้าไปด้านในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ หลิงตู้ฉิงก็ใช้วิธีเดียวกับที่เขาใช้มาก่อนหน้านี้ก็คือสวมรอยว่าตัวเองเป็นคนของตำหนักเทพโชคลาภ ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้พบกับ อันหยวนตู่ ที่เป็นผู้ดูแลหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่อาณาเขตสุสานกระบี่
จากข้อมูลที่ได้รับมาจากหงเยว่ อันหยวนตู่ก็คือชายที่ชอบสุราเป็นชีวิตจิตใจ
“พวกท่านล้วนสนใจแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เหตุใดวันนี้พวกท่านถึงได้มาหาคนขี้เมาอย่างข้าได้?” อันหยวนตู่ถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เป็นเพราะข้าต้องการข้อมูลของอาณาเขตสุสานกระบี่และเจ้าอยู่ที่อาณาเขตสุสานกระบี่มาเป็นเวลานานแล้ว เจ้าก็ควรที่จะมีข้อมูลเหล่านั้นให้กับข้า”
อันหยวนตู่ยกจอกสุราขึ้นจิบ จากนั้นเขาก็พูดกับหลิงตู้ฉิง “ไม่ใช่ว่าท่านเองก็สืบหาข้อมูลด้วยตัวเองแล้วไม่ใช่รึไง?”
อันหยวนตู่ นั้นอยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่มานานแล้ว ซึ่งเขาก็ได้วางคนของเขาเอาไว้ทั่วทุกพื้นที่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เล็กใหญ่อะไรแน่นอนว่าเขาต้องรู้หมด แล้วยิ่งโดยเฉพาะที่มีเหตุการณ์ที่จู่ ๆ หลินเย่ แห่งตระกูลหลินทะลวงขอบเขตไปเป็นขอบเขตราชันได้ ซึ่งมันส่งผลกระทบกระเทือนต่อขั้วอำนาจต่าง ๆ ที่อยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่เป็นอย่างมาก มันจึงยิ่งทำให้เขาสนใจและสืบหาข้อมูลด้วยตนเอง และในท้ายที่สุดเขาก็ได้พบกับรายงานของหลิงตู้ฉิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)