เมื่อเห็นท่าทีไม่ยินยอมของหลิงตู้ฉิง อันหยวนตู่ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
อันหยวนตู่บ่นอุบ “ท่านนี่มันช่างขี้เหนียวจริง ๆ ข้าอุตส่าห์เล่าเรื่องมาตั้งยืดยาว แต่กลับไม่ให้กำไรข้าบ้างสักหน่อยเลย เฮ้อน่าเหนื่อยใจจริง ๆ แต่ก็ช่างเถอะ ข้าจะเสริมข้อมูลให้อีกหน่อยก็แล้วกัน”
“ท่านคงจะรู้จัก หลินเย่ แห่งตระกูลหลินที่เพิ่งทะลวงขอบเขตได้แล้วใช่ไหม? ส่วนตระกูลเย่ก็มีข่าวว่าพวกเขาได้รับมรดกจากบรรพบุรุษเทพกระบี่ของพวกเขาและในตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมตัวที่จะเข้าไปในสุสานกระบี่ชั้นที่ห้า ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปีที่ผ่านมาที่พวกเขาจะเข้าไป และอีกอย่างท่านรู้แล้วรึยังว่ามีคนของตระกูลตงฟางมาที่นี่และมาอ้างว่าตนเองเป็นเทพกระที่กลับชาติมาเกิด?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้าพึ่งมาจากอาณาเขตวิญญาณโลหิต!”
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็แปลว่าท่านคงรู้แล้ว ว่าแต่ท่านรู้รึเปล่าว่าเมื่อไม่นานมานี้ตระกูลกู๋ได้เริ่มการตามหาสุสานของตัวตนระดับสูงอย่างลับ ๆ?” อันหยวนตู่เอ่ยถาม
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่รู้ แต่ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้อมูลแค่นี้มันเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์แล้วล่ะก็มันคงยังไม่เพียงพอ!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เย้ยหยันในใจ ตระกูลกู๋กล้าที่จะปล่อยข่าวออกมาแล้วงั้นเหรอ?
พวกมันต้องเผชิญกับหายนะอย่างแน่นอน!
อันหยวนตู่ตบหน้าผากของตัว จากนั้นเขาพูดต่อ “ข้ารู้ว่ามันไม่เพียงพอสำหรับสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์ แต่ถ้าหากข้าบอกว่าตระกูลกู๋นั้นจริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้กำลังมองหาสุสานของตัวตนระดับสูง แต่เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวตนระดับสูงอยู่อาศัยเมื่อในอดีตล่ะ?”
เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ หลิงตู้ฉิงถึงกับตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าตระกูลกู๋จะสืบหาความลับของแผนที่นั้นได้ไวขนาดนี้ที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
หลิงตู้ฉิงเก็บอาการ จากนั้นเขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้านิ่งว่า “ต่อให้มันเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าอยู่ดี”
“มันจะไม่เกี่ยวข้องกับท่านได้ยังไง? ด้วยข้อมูลนี้ท่านสามารถลองไปเสี่ยงโชคที่นั่นได้เชียวนะ!” อันหยวนตู่รีบเอ่ยตอบ “วิหารศักดิ์สิทธิ์นั่นมันอยู่ในอาณาเขตเทียนหยู ซึ่งถ้าหากท่านไปที่นั่นและเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์นั่นได้ มันก็หมายถึงว่าท่านจะรวยเลยเชียวนะ!”
“อยู่ในอาณาเขตเทียนหยูงั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงอุทานขึ้น “งั้นมันก็หมายความว่ามันอยู่ไม่ไกลจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราเลยน่ะสิ?”
อันหยวนตู่พยักหน้า “ใช่แล้ว ระยะทางจากอาณาเขตอักขระศักดิ์สิทธิ์ ไปยัง อาณาเขตเทียนหยูนั่นนับว่าไม่ได้ห่างกันมากสักเท่าไหร่เลย”
จากนั้นอันหยวนตู่ไม่ได้ถามไถ่อะไรเกี่ยวกับสถานะของเย่ชิงเฉิงว่าเป็นอะไรกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เขาหันไปหาหลิงตู้ฉิงและพูดต่อ “ด้วยข้อมูลนี้ ข้าคิดว่ามันคงเพียงแล้วใช่ไหมที่จะแลกกับสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์ของท่าน?”
“หากข้อมูลที่เจ้าเอ่ยมาเป็นความจริงมันก็เพียงพอ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
สำหรับคนอื่น ข้อมูลนี้มันอาจจะไร้ค่าแต่สำหรับเขามันคือข้อมูลที่สำคัญมากที่สุด
เนื่องจากกุญแจวิหารศักดิ์สิทธิ์นั่นมันอยู่กับเขา!
และด้วยความพอดิบพอดีที่เขาเองยังไงก็ต้องไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่เขาเสร็จธุระที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เขาจะต้องไปต่อที่อาณาเขตเทียนหยวนแน่นอน
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ทำการเขียนสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์ให้กับอันหยวนตู่ และจากนั้นเขาก็รับข้อมูลการเดินทางของเทพกระบี่มาและเมื่อการแลกเปลี่ยนทุกอย่างเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาออกจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ทันที
เมื่อได้รับสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์ อันหยวนตู่ก็ไม่สนใจหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป เขาเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นกับตัวเอง “หากข้าบ่มมันเสร็จเมื่อไหร่ ข้าก็รวยเมื่อนั้น ตอนนี้ข้าจะต้องรีบให้คนของข้าออกไปหาส่วนผสมมันโดยด่วน ฮ่าฮ่าฮ่า”
“มุ่งหน้าไปที่เมืองผนึกกระบี่!” หลิงตู้ฉิงสั่งหลงเฉินให้ออกเดินทางทันที
เขาตัดสินใจที่จะไปที่แรกที่ทาสกระบี่ไปเยือนมาเมื่อมาถึงอาณาเขตสุสานกระบี่ก่อน เนื่องจากทาสกระบี่นั้นได้อาศัยอยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่มาเป็นเวลานาน ดังนั้นมันต้องเป็นไปได้ที่ทาสกระบี่จะต้องมีลูกหลานที่เขาทิ้งไว้ให้อยู่ที่นี่
ตราบใดที่เขาแกะรอยเส้นทางการใช้ชีวิตของทาสกระบี่ เขามั่นใจว่าเขาจะต้องหาลูกหลานของเทพกระบี่พบอย่างแน่นอน
ต่อให้เมื่อก่อนทาสกระบี่จะไม่กล้าเปิดเผยว่าใครเป็นลูกของตนเอง แต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้มาเกิดใหม่แล้ว เขาจะทำให้เหล่าลูกหลานของทาสกระบี่ได้ออกมาเปิดเผยตนเองอย่างภาคภูมิ
อันที่จริงตามแผนที่ที่อันหยวนตู่ให้มา หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ในตอนนี้เขาได้กลับมาอยู่ในจุดเริ่มต้นตอนที่เขาเข้ามาในอาณาเขตสุสานกระบี่
มันคือจุดที่เขาเคยอยู่เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่เขาเข้ามาในอาณาเขตแห่งนี้ ซึ่งเขาได้แยกทางกับเด็กน้อยที่มีนามว่า มู่เฉียนซ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)