บทที่ 519 ตระกูลเล็กที่น่าเวทนา
เมื่อได้เห็นสีหน้าอันงุนงงของมู่เฉียนซ่ง หลิงตู้ฉิงก็หัวเราะชอบใจและพูดว่า “บังเอิญว่าพวกข้ามีธุระที่เมืองผนึกกระบี่พอดี และนึกขึ้นได้ว่าเจ้าเองก็อยู่ที่เมืองนี้ข้าเลยแวะมาดูเจ้าสักหน่อย เป็นยังไงบ้าง เจ้ายังคงออกไปฝึกกระบี่ที่เดิมอยู่รึเปล่า?”
มู่เฉียนซ่งส่ายหัว “เต๋ากระบี่นั้นไม่ได้ก่อเกิดจากการฝึกเพียงอย่างเดียว มันจะต้องรวมไปถึงความเข้าใจในมันด้วย ดังนั้นหากข้าเอาแต่ออกไปฝึกแต่ที่เดิม ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรจากข้าออกไปเรียนรู้ในสิ่งที่ข้ารู้อยู่แล้ว”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “การที่เจ้ารู้ได้เช่นนี้นับว่ายอดเยี่ยมมาก นี่มันยิ่งทำให้ข้าอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ในนามมากขึ้นไปอีกนะเจ้ารู้ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่เฉียนซ่งเปลี่ยนสีหน้าเป็นมืดหม่นทันที “ข้าว่าข้าได้พูดไปแล้ว ว่าข้าไม่ต้องการรับท่านอาจารย์ ข้าต้องการที่จะคิดค้นเต๋ากระบี่ของข้าเอง ข้าไม่ต้องการเรียนรู้มันจากคนอื่น!”
“งั้นเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันใหม่เรื่องนี้อีกรอบก็ได้!” หลิงตู้ฉิงรู้สึกจนปัญญา นี่เขาถูกปฏิเสธอีกครั้งแล้วงั้นเหรอ?
แต่ถึงแม้เขาจะได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้ถือเอาคำปฏิเสธของมู่เฉียนซ่งมาใส่ใจเท่าไหร่นักจากนั้นเขาพูดต่อ “ที่ข้ามาที่เมืองผนึกกระบี่นี้ก็เพราะต้องการหาใครสักคนช่วยข้ารวบรวมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองผนึกกระบี่ ซึ่งแน่นอนว่าข้าจะให้ค่าตอบแทนอย่างงาม”
“ท่านก็เห็นว่าตระกูลของข้าเป็นตระกูลที่เล็กที่สุดในเมืองผนึกกระบี่ ดังนั้นข้าคิดว่าหากท่านต้องการความช่วยเหลือแบบนี้ ข้าแนะนำว่าท่านควรจะไปที่ตระกูหวูจะดีกว่า เพราะตระกูลหวูคือตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองผนึกกระบี่ ซึ่งพวกเขาน่าจะมีข้อมูลของเมืองนี้อยู่มากกว่าตระกูลข้าอยู่แล้ว” มู่เฉียนซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความสัตย์จริง
ในขณะเดียวกับที่มู่เฉียนซ่งพูดจบประโยค จู่ ๆ ชายวัยกลางก็ปรากฎตัวขึ้นออกมาจากเรือนตระกูลมู่พร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มแย้มสุภาพ “ไม่ทราบว่าท่านต้องการความช่วยเหลือแบบไหนงั้นเหรอ? และรางวัลที่ท่านพูดถึงนั้นคืออะไร? อ๋อ ถ้าหากพวกท่านยังไม่มีที่พัก พวกท่านจะมาพักที่เรือนของเราก็ได้ ในเรือนของเรานั้นมีห้องว่างอยู่มากมาย ซึ่งมันสบายกว่าโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านนอกแน่นอน”
มู่เฉียนซ่งรีบพูดขึ้นทันที “ท่านลุง ผู้อาวุโสเขาคงไม่ขาดแคลนเงินแน่นอน ข้าคิดว่าหากเราให้ผู้อาวุโสเขาไปพักในโรงเตี๊ยมดี ๆ มันจะสะดวกสบายกว่าการพักในเรือนเล็ก ๆ ของเรามากเลยนะ!”
“ไร้สาระ นี่เจ้าเอาอะไรคิดกันว่าการที่พักในโรงเตี๊ยมมันจะสบายมากไปกว่าการพักในเรือนของตระกูลเรา? แล้วนี่เจ้าไม่ต้องไปฝึกฝนรึยังไง? ไป รีบไปฝึกต่อแล้วเดี๋ยวข้าจะดูแลแขกของเราเอง!” ลุงของมู่เฉียนซ่งไล่มู่เฉียนซ่งให้กลับเข้าไปในเรือนทันทีโดยไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ ของหลานชาย จากนั้นเขาหันกลับมาหาหลิงตู้ฉิงด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ข้าคือลุงของเขาเอง มีนามว่า มู่ฉิงเฟิง ว่าแต่พวกท่านต้องการให้เราช่วยอะไรงั้นเหรอ? แล้วรางวัลที่พวกท่านว่ามันคือสิ่งใด?”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังมู่ฉิงเฟิงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาส่งโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ให้ไปพร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ชิ้นแรกในตอนนี้ ยิ่งพวกเจ้าช่วยเหลือข้าได้มากเท่าไหร่ รางวัลที่พวกเจ้าจะได้มันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ”
เมื่อได้รับโอสถวิญญาณบริสุทธิ์มา มู่ฉิงเฟิงก็ดีใจจนแทบกระโดดเขารีบพูดขึ้นทันที “มา ๆ พวกท่านเชิญเข้ามาด้านในเพื่อคุยรายละเอียดกันเพิ่มเติมก่อนจะดีกว่า ยืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้นาน ๆ เดี๋ยวพวกท่านจะเมื่อยเอา”
หลังจากที่มู่ฉิงเฟิงพาหลิงตู้ฉิงเข้าไปในเรือน เขาก็รีบเรียกทุกคนที่อยู่ในเรือนให้มาทักทายกับกลุ่มของหลิงตู้ฉิง ซึ่งมันทำให้รู้ว่าในบรรดาคนกลุ่มทั้งหมด 30 กว่าคนที่อยู่ในเรือนตระกูลมู่นั้นมีเพียง 10 กว่าคนเท่านั้นที่เป็นคนของตระกูลมู่จริง ๆ ส่วนคนที่เหลือนั้นก็เป็นเพียงบรรดาแม่บ้านและคนรับใช้
คนที่อาวุโสที่สุดในตระกูลมู่ก็คือปู่ของมู่เฉียนซ่ง ส่วนคนรุ่นเดียวกับพ่อของมู่เฉียนซ่งนั้นมีอยู่ 3 คนด้วยกัน
คนที่อาวุโสสุดในบรรดารุ่นพ่อก็คือ มู่ฉิงเฟิง จากนั้นก็มู่ฉิงชิว ซึ่งก็คือพ่อของมู่เฉียนซ่ง และสุดท้ายก็คือป้าของมู่เฉียนซ่งที่แต่งงานแล้ว
ส่วนคนเหลือก็มีแต่คนรุ่นเดียวกับมู่เฉียนซ่งทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)