ในที่สุด หลิงตู้ฉิงก็ได้รู้แล้วว่าตระกูลมู่คือตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากทาสกระบี่ที่แท้จริง
ดังนั้นเขาจึงวางแผนไว้ว่าจะมอบประโยชน์ให้กับตระกูลมู่ แต่ก่อนที่เขาจะมอบอะไรให้ได้ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าตระกูลมู่จะสามารถแบกรับประโยชน์ของเขาได้ไหว
อันดับแรกเขาจึงนำบันทึกที่ได้จากตระกูลหวูขึ้นมาตรวจสอบก่อนว่ามีใครบ้างที่ได้เข้ามาสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกหลานของทาสกระบี่
แต่น่าเสียดายที่หลังจากตรวจสอบดูแล้วในบันทึกของตระกูลหวูไม่ได้ระบุถึงตัวตนของผู้ที่มาสืบหาข้อมูลว่าจริง ๆ แล้วเป็นใคร ซึ่งตระกูลหวูเองก็ไม่กล้าที่จะสืบต่อเช่นกันว่าคนที่มาจริง ๆ แล้วเป็นใคร
วันถัดมา มู่ฉิงเฟิงเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง และถามว่า “คุณชาย ข้ามีเรื่องสงสัยอยากสอบถาม ท่านสามารถหลอมโอสถได้หรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้าทำได้ เจ้ามีปัญหาอะไร?”
มู่ฉิงเฟิงขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่น “ลูกชายของข้าถูกใครบางคนทำร้ายมา ดังนั้นหากท่านไม่ว่าอะไร ข้าอยากจะขอให้ท่านช่วยหลอมโอสถรักษาลูกชายข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“งั้นเหรอ งั้นก็พาลูกชายของเจ้าเข้ามาให้ข้าดูอาการก่อน” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
ไม่นานต่อมา ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่แขนหักจนผิดรูปก็ถูกหามเข้ามาในห้องของหลิงตู้ฉิง
“คุณชาย นี่คือลูกชายของข้าเอง มู่เฉียนยู่” มู่ฉิงเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “คุณชาย ท่านพอจะรักษาเขาให้หายเป็นปกติได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงวินิจฉัยอาการของมู่เฉียนยู่อยู่สักพัก จากนั้นเขาเอ่ยถามขึ้น “ใครทำร้ายเจ้ามา?”
มู่เฉียนยู่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “มันเป็นคนที่เชิดชูเทพกระบี่ มันเข้ามาต่อว่าข้าเรื่องคำสอนของตระกูลข้าที่ต้องการก้าวผ่านเทพกระบี่แ ละจากนั้นมันก็ทุบตีข้าจนมีสภาพอย่างที่ท่านเห็น…”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล อาการบาดเจ็บของเจ้าข้าสามารถรักษาให้หายได้”
เมื่อหลิงตู้ฉิงทำการรักษามู่เฉียนยู่เสร็จ เขาก็หันไปสั่งมู่ฉิงเฟิงพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง “เจ้าจงส่งคนของเจ้าออกไปหาข้อมูลประวัติชีวิตของเทพกระบี่ และซื้อเหล่าวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ข้าจดเอาไว้มาด้วย”
หลิงตู้ฉิงสั่งเพียงเท่านี้โดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
หลังจากนั้นมู่ฉิงเฟิงก็พามู่เฉียนยู่จากไป ซึ่งในขณะเดียวกันหลิงตู้ฉิงก็เริ่มขมวดคิ้วและนึกในใจ ใครกันที่พยายามเพ่งเล็งเหล่าลูกหลานของเทพกระบี่ในตอนนี้?
ในตอนที่เขาตรวจสอบบาดแผลของมู่เฉียนยู่ เขาได้พบว่าอาการบาดเจ็บของมู่เฉียนยู่นั้นไม่ใช่แค่แขนหักธรรมดา แต่มันมีอาการบาดเจ็บภายในรวมอยู่ด้วย ซึ่งมันเกือบที่จะทำให้มู่เฉียนยู่ไม่สามารถบ่มเพาะต่อได้ในอนาคต
การโจมตีเช่นนี้มันนับได้ว่าโหดร้ายเป็นอย่างมาก
และอีกอย่างก็คือ ทำไมคนตระกูลมู่ถึงต้องออกไปตามหาเต๋ากระบี่ของตนเองอยู่เรื่อย ๆ และกลับโดนโจมตีอยู่เรื่อย ๆ แบบนี้?
ในตอนแรกก็เป็นมู่ฉิงเฟิง แล้วมาในตอนนี้ก็เป็นมู่เฉียนยู่ และในอนาคตมันก็คงจะมีอีกแน่นอน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้มันคงไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญธรรมดา ๆ ใช่ไหม?
ในระหว่างนี้ หลิงตู้ฉิงจึงยังคงอาศัยอยู่ในตระกูลมู่เป็นการชั่วคราว พร้อมกับสั่งให้คนของตระกูลมู่ออกไปหาข่าวของเทพกระบี่อยู่เรื่อย ๆ เขาจงใจที่จะให้การกระทำนี้ของตระกูลมู่ถูกบอกต่อออกไป ซึ่งมันเป็นการวางหลุมพลาง ส่วนตัวเขาเองนั้นจะคอยเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ รอให้เหยื่อมางับตัวล่อของเขา
ซึ่งตัวล่อของเขาก็คือตระกูลมู่!
หลังจากที่เฝ้าดูมานานอยู่ 3 วัน หลิงตู้ฉิงก็พูดกับหมิงยู่ “ช่วยข้าออกไปแอบติดตามคนของตระกูลมู่ที่ออกไปหาข่าวที หากใครออกไปเจ้าก็จงแอบติดตามคนผู้นั้นไป และเมื่อไหร่ที่มีคนพยายามจะทำร้ายคนของตระกูลมู่ เจ้าจงนำตัวคนเหล่านั้นกลับมาหาข้า”
หมิงยู่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “นายท่าน หรือตระกูลมู่จะ…”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “จงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไว้ก่อน”
หมิงยู่พยักหน้า “รับทราบ นายท่าน!”
เนื่องจากพวกเขาตามหาลูกหลานของเทพกระบี่มาเป็นเวลานาน ซึ่งแต่ละตระกูลที่พวกเขาไปพบ หลิงตู้ฉิงไม่เคยแสดงท่าทีแยแสอะไรสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมาถึงตระกูลมู่ท่าทีที่หลิงตู้ฉิงแสดงออกกลับเปลี่ยนไป ตรงจุดนี้มันจึงทำให้หมิงยู่สามารถเดาอะไรออกได้บางอย่าง
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังอยู่ในขั้นคอนการหลอมโอสถ จู่ ๆ ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งได้ตะโกนเรียกเขาจากด้านนอกห้อง “คุณชาย ท่านอยู่ข้างในรึเปล่า?”
“เข้ามา” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)