ในตอนแรกบรรดาผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพนั้นอยู่ในสภาวะตึงเครียดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อพวกเขาได้ยินที่หลิงตู้ฉิงกล่าวว่าเขามาที่นี่เพื่อขอคำชี้แนะเต๋ากระบี่ อารมณ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนทันทีจากตึงเครียดกลายเป็นรู้สึกสนใจใคร่รู้
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของสำนักกระบี่เอกภพผู้หนึ่งรีบก้าวออกมาทันทีและพูดว่า “ในเมื่อเจ้าอยากขอคำชี้แนะเต๋ากระบี่ ถ้างั้นข้าขอเริ่มเป็นคนแรกก็แล้วกัน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่ว่าใครจะเป็นคนแรกมันก็ไม่มีอะไรต่าง”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินกลับเข้าไปในค่ายกลกระบี่อีกรอบ จากนั้นเขาโบกมือไปทางมู่เฉียนซ่ง ส่งผลให้กระบี่วิญญาณที่อยู่ในร่างของมู่เฉียนซ่งบินออกมาจากร่างก่ายเขาอย่างควบคุมไม่ได้ทันที
ขณะนี้หลิงตู้ฉิงถือกระบี่วิญญาณเอาไว้และพูดไว้ “หากเจ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็จงเข้ามาสู้กับข้าในค่ายกลกระบี่ของข้า สำนักกระบี่เอกภพของเจ้าดูแข็งแกร่งไม่เบา ข้าไม่กล้าออกจากค่ายกลกระบี่ของข้าสักเท่าไหร่!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “นี่เจ้ากล้าดูถูกว่าสำนักข้าจะใช้วิธีสกปรกกับเจ้างั้นเหรอ!”
เมื่อพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญผู้นั้นก็เดินเข้าไปในค่ายกลกระบี่เหินเมฆาผ่านทางช่องว่างที่หลิงตู้ฉิงเปิดขึ้นอย่างองอาจ ซึ่งหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ได้คลายผนึกบังตาของค่ายกลเพื่อให้ผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นด้านใน
ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญได้เข้ามาในค่ายกลกระบี่เหินเมฆาแล้ว เขาจึงพูดแนะนำตัวขึ้นทันที “สำนักกระบี่เอกภพ โม่เทียนซิง ไม่ทราบว่าเจ้ามีนามว่าอะไร?”
“หลิงตู้ฉิง!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับเช่นกันตามมารยาทสากลของการประลอง
โม่เทียนซิงชักกระบี่ออกจากฝัก จากนั้นเขาพูดว่า “เชิญ!”
หลิงตู้ฉิงก็ยกกระบี่ขึ้นและเอ่ยขึ้นเช่นกัน “เชิญ!”
จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มวาดเพลงกระบี่เข้าปะทะกัน
นอกเหนือจากการให้มู่เฉียนซ่งได้เห็นเต๋ากระบี่แบบต่าง ๆ แล้ว การที่หลิงตู้ฉิงลงมาเล่นกับบรรดาคนรุ่นหลานรุ่นเหลนของตัวเองแบบนี้นั้นเพราะเขามีเป้าหมายอย่างอื่นอีกอย่างหนึ่ง
และด้วยระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงที่ยังคงอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ โม่เทียนซิงจึงลดระดับการบ่มเพาะของตัวเองมาอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณเช่นกัน ซึ่งมันหมายความว่าเขาต้องการแค่วัดความแข็งแกร่งของเต๋ากระบี่เพียงอย่างเดียวกับหลิงตู้ฉิง ไม่ต้องการที่จะเอาชนะโดยใช้ระดับการบ่มเพาะ
เมื่อเป็นเช่นนี้มันจึงยิ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับหลิงตู้ฉิงที่จะรับมือกับโม่เทียนซิง
แต่ด้วยเงื่อนไขที่หลิงตู้ฉิงยังจำเป็นต้องให้มู่เฉียนซ่งดูเต๋ากระบี่ หลิงตู้ฉิงจึงเล่นกับโม่เทียนซิงอยู่สักพัก ปล่อยให้โม่เทียนซิงใช้เพลงกระบี่สายธารดาราออกมาอย่างเต็มที่ก่อน
เมื่อเพลงกระบี่สายธาราดาราถูกใช้ออกมาจนหมดหมด หลิงตู้ฉิงก็เสียดแทงไปยังช่องว่างของโม่เทียนซิง และใช้ปลายกระบี่จิ้มแขนของโม่เทียนซิงไปเล็กน้อย “เจ้าแพ้แล้ว!”
“นี่เจ้า!” โม่เทียนซิงถอยพลางมองแขนของตัวเองที่โดนปลายกระบี่ทิ่มไปเมื่อครู่
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เขาใช้จังหวะเวลาในการคอยคู่ประลองคนที่สองที่กำลังเตรียมตัวลอบดูต้นกำเนิดของโม่เทียนซิง ผ่านหยดเลือดที่ติดปลายกระบี่ของเขาเมื่อครู่
จากนั้นไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็ถอนหายใจอย่างลับ ๆ จากนั้นเขาก็เอ่ยกับคู่ประลองคนที่สองว่า “ข้าได้สัมผัสเพลงกระบี่สายธารดาราของสำนักเจ้าเรียบร้อยแล้ว หากเจ้าไม่ใช้เพลงกระบี่อื่น เจ้าก็จงถอยไปและให้คนอื่นเข้ามาแทน”
จากนั้นไม่นานการประลองก็เริ่มขึ้นและรอบนี้ก็เช่นเดิม หลิงตู้ฉิงเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการแทงกระบี่ไปที่ช่องว่างของคู่ต่อสู้และเอาหยดเลือดที่ติดปลายกระบี่มาตรวจสอบเหมือนเดิม และผลการตรวจสอบก็เป็นเหมือนเดิมเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้หลิงตู้ฉิงคิดในใจ มันไม่มีใครในโลกนี้บ้างเลยเหรอที่ไม่สงสัยว่าสำนักกระบี่เอกภพนั้นแท้จริงแล้วก็คือลูกหลานของเทพกระบี่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)