เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เริ่มถ่ายทอดชุดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ให้กับทั้ง 6 คนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ ซึ่งพวกเขาก็คือลูกหลานของทาสกระบี่
หลังจากที่ทุกคนได้รับการถ่ายทอดชุดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่จนครบ ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่ไหว เนื่องจากนี่คือเต๋ากระบี่ของบรรพบุรุษพวกเขา
หลิงตู้ฉิงมองไปยังเหล่าผู้คนที่กำลังตื่นเต้นจนห้ามตัวเองไม่อยู่และเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้าได้รับชุดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ พวกเจ้าก็คงจะพอใจแล้วสินะ? อ๋อแล้วอีกอย่างข้าอยากจะถามกับพวกเจ้าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลมู่กันแน่? ทำไมสำนักกระบี่เอกภพของพวกเจ้าถึงได้รังแกญาติของตัวเองแบบนั้นกัน?”
มู่หยุนชานหัวเราะ “ในส่วนของตระกูลมู่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะพ่อของข้าได้เป็นคนตั้งกฎให้พวกเขาสืบทอดเอาไว้เองว่าให้ก้าวผ่านตัวเขาเองให้ได้ เพราะเขาไม่อยากจะให้ลูกหลานของเขาทุกคนเอาแต่เดินตามเต๋ากระบี่ของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าหากว่าแลดูแล้วใครไม่มีหวังจริง ๆ ที่จะก้าวผ่านได้ พวกเราก็จะไปนำตัวคนผู้นั้นมาจากตระกูลมู่และปล่อยข่าวลวงว่าเขาตายแล้ว และให้มาอยู่กับเราแทน”
“อันที่จริงสายเลือดของพวกเรานั้นได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งอาณาเขตสุสานกระบี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าใครมีสายเลือดของพวกเราบ้าง พวกเราจึงให้ทุกตระกูลที่มีสายเลือดเดียวกับเราใช้แซ่ ‘มู่’ ทั้งหมด แม้กระทั่งสำนักอันดับ 7 และอันดับ 10 ของอาณาเขตสุสานกระบี่ก็เป็นพวกของเราที่เป็นผู้ก่อตั้งสำนักขึ้นมา”
“และเนื่องจากที่เรามีผู้คนมากมายที่มีสายเลือดเดียวกับเราอยู่กับหลาย ๆ ขุมกำลัง ดังนั้นหากว่ามีคนไหนที่สามารถทะลวงระดับการบ่มเพาะไปได้จนถึงขอบเขตราชันขึ้นไปที่สามารถปกป้องตัวเองได้จากการโจมตีทางจิต พวกเราจะไปหาคนผู้นั้นและเผยความจริงว่าอันที่จริงแล้วต้นกำเนิดของเขานั้นมาจากไหน”
มู่เทียนหยูถามขึ้นเสริม “ท่านทวด ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ไปเยือนตระกูลหลิน ตระกูลกู๋และตระกูลเย่มาก่อนหน้านี้ ท่านพอจะบอกได้ไหมว่าสรุปแล้วพวกเขาเป็นสายเลือดเดียวกับพวกเราจริง ๆ รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “พวกเขาทั้งสามตระกูลไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกับพวกเจ้า ตระกูลหลินนั้นถูกพ่อและปู่ของพวกเจ้าจัดฉากขึ้น ส่วนตระกูลเย่นั้น…”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มเล่าข้อมูลของทั้งสองตระกูลให้กับมู่หยุนชาน และคนอื่น ๆ ฟัง “ป้ายคำสั่งนั้นข้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งมันมีเจตจำนงของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่สถิตอยู่ในนั้น มันมีด้วยกันทั้งหมด 3 อัน หนึ่งในนั้นคืออันที่พวกเจ้าถืออยู่ ส่วนอีกสองอันนั้นอยู่กับตระกูลหลินและตระกูลเย่”
“ด้วยการมีอยู่ของทั้งสองตระกูลนี้นั้นมันส่งผลทำให้พวกเจ้าอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้เช่นกัน ดังนั้นข้าหวังว่าในอนาคตพวกเจ้าจะไม่ไปรังแกพวกเขา และมีอีกเรื่องหนึ่งข้าจะมอบโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเจ้า 10 เม็ด โอสถตื่นรู้ 2 เม็ด โอสถสงบวิญญาณ 2 เม็ดและโอสถทะยานเมฆาอีก 1 เม็ด พวกเจ้าจงใช้พวกมันในการบ่มเพาะให้ดี”
มู่เทียนหยูหัวเราะด้วยความตื่นเต้นทันที “ขอบคุณ ท่านทวด! ด้วยโอสถของท่านข้าคิดว่าพวกเราคงมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเพิ่มขึ้นอีก 2 ถึง 3 คนแน่นอน!”
มู่หยุนชานพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน “ท่านลุง หากเมื่อไหร่ที่พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากพอแล้ว ข้าคิดว่าพวกเราคงสามารถเปิดเผยตัวตนต่อโลกได้ เนื่องจากพวกเราเองก็มีรากฐานทุกอย่างที่เพียงพอจะเป็นสำนักระดับมหาอำนาจได้และยิ่งตอนนี้เมื่อเรามีท่านด้วยอีกต่างหาก มันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงโบกมือขัดและพูดว่า “อย่าเพิ่งรวมข้าเข้าไปด้วย ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำอีกมากและอีกอย่างข้ายังมีผู้คนของข้าที่ข้าต้องดูแลอยู่ที่อาณาเขตนภา! ดังนั้นพวกเจ้าจำเป็นต้องพึ่งตัวเองในการเปิดเผยตัวตน แต่ข้าเองก็จะมอบสิ่งของบางอย่างให้พวกเจ้าไว้ป้องกันตัวเช่นกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)