เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิถึง 3 คน ตระกูลกู๋ก็ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง
ส่วนเรื่องของแผนภาพตำหนักศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายเช่นกัน
เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามเห็นว่ากู๋หยงไม่มีท่าทีว่าจะมอบกุญแจให้พวกเขาแน่นอน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยก็ขมวดคิ้วและเริ่มลงมือส่งเจตจำนงของตัวเองเข้าทำลายเรือนตระกูลกู๋แหว่งหายไปส่วนหนึ่ง
สำหรับจำนวนของผู้คนตระกูลกู๋ที่ตายไปในการโจมตีนี้มีกี่คนนั้นไม่มีใครทราบได้…
“พวกเราได้รับแผนภาพนั้นมาจากคนผู้หนึ่งจริง ๆ พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือภาพของสถานที่ตั้งตำหนักศักดิ์สิทธิ์ พวกท่านไม่ควรทำกับพวกเราขนาดนี้!” กู๋หยงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าโมโห
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอ้วนเตี้ย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงไม่ยินยอมสินะ? ก็ได้! ถ้าเจ้าไม่มอบกุญแจมาให้กับพวกข้า พวกข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าผลของการดื้อรั้นมันเป็นยังไง เมื่อถึงเวลานั้นข้ารับประกันได้ว่าตระกูลของเจ้าจะไม่เหลือใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว! ว่าแต่พวกเจ้าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ไม่ใช่เหรอไง? อันที่จริงหากเจ้าสามารถทำให้เทพกระบี่ลุกขึ้นมาปกป้องพวกเจ้าได้ พวกข้าก็จะยอมจากไปเช่นกัน!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีกคนพูดเสริมขึ้น “ในเมื่อพวกมันไม่ยอมมอบให้เรา ถ้างั้นพวกเราก็ฆ่ามันทุกคน จากนั้นพวกเราค่อยไล่ตรวจดูแหวนมิติทุกวงเอาก็ได้ว่าใครที่มีกุญแจอยู่ ข้าว่าแบบนี้มันจะง่ายกว่าต้องมานั่งต่อรองกันแบบนี้ซะอีก”
อันที่จริงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเหล่านี้ได้ใช้เจตจำนงของตนเองทำการตรวจสอบห้วงความทรงจำของผู้คนทุกคนของตระกูลกู๋หมดแล้วเกี่ยวกับข้อมูลกุญแจของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันก็ไม่มีใครเลยที่มีข้อมูลเกี่ยวกับมัน
คนเดียวที่พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบได้ก็คือ กู๋หยง เนื่องจากเขามีผนึกที่คอยป้องกันวิญญาณของเขาอยู่ ซึ่งมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้
ทางด้านของกู๋หยง ในตอนนี้ก็อยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเพราะเขาเองก็ไม่มีกุญแจที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเหล่านี้อยากจะได้
เมื่อเห็นว่ากู๋หยงยังคงเงียบอยู่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามก็รู้สึกชิงชังในใจ จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็ลงมือโจมตีพร้อมกันจากสามทิศทางลงมายังตระกูลกู๋ ซึ่งหากดูจากอาณาเขตการทำลายล้างที่พวกเขาปลดปล่อยแล้ว อย่างน้อย ๆ ครึ่งหนึ่งของตระกูลกู๋จะต้องหายไปอย่างแน่นอน
แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ พื้นดินก็แยกตัวออกและโลงศพทองแดงก็ปรากฎขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงอันเย็นชาที่ดังออกมาจากด้านใน “ไอ้เด็กน้อยทั้งสาม จงถอยกลับไปซะ!”
ในระหว่างที่เขาพูด อำนาจแห่งเจตจำนงสายหนึ่งก็หลั่งไหลออกมาจากโลงศพเข้าสะกัดกั้นเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสาม
“มิน่าล่ะ ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลกู๋ถึงได้กล้าเปิดเผยข้อมูลของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้พวกเจ้าก็มีตาแก่นี่หนุนหลังอยู่นี่เองสินะ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอ้วนเตี้ยพูดขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผอมสูงอีกคนพูดขึ้นเสริมว่า “ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวสักเท่าไหร่เลยนี่หว่าก็แค่ตาแก่คนหนึ่งที่ใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้วก็เท่านั้น ดูจากรูปการณ์แล้วหากออกมาจากโลงเมื่อไหร่ชีวิตก็คงถึงจุดจบเมื่อนั้นสินะ”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีกคนหนี่งที่ไม่เคยเอ่ยคำพูดใดมาก่อนก็พูดขึ้นเสริมเช่นกัน “หลิวเฟ่ย เจ้าพูดถูก ตาแก่นี่ไม่กล้าออกมาจากโลง แน่นอนหากเขาออกมาเมื่อไหร่เขาต้องตายแน่ หรือต่อให้เขากล้าออกมาความแข็งแกร่งของเขาก็ใช่ว่าจะเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตาแก่! พวกเราแค่ต้องการกุญแจของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ แค่มอบมันมาให้กับพวกเรา จากนั้นพวกเราก็จะไป ไม่เช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของตระกูลกู๋ของเจ้า!”
ตัวตนที่อยู่ในโลงศพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ในอดีตตอนที่ข้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า พวกเจ้าเหล่าเด็กอมมือยังไม่ทันได้ออกจากท้องแม่ด้วยซ้ำ! ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าต้องการอะไร แต่ตอนนี้หากพวกเจ้ารีบไสหัวไปซะข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ข้าจะไม่เอาความ แต่ถ้าพวกเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมจากไป ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน!”
ในความเป็นจริง เขาเองก็รู้สึกจนปัญญาเช่นกันเนื่องจากเขาเองรู้ตัวดีว่าถ้าหากเขาออกจากโลงศพนี้เมื่อไหร่มันหมายถึงว่าชีวิตของเขาจะต้องจบลงอย่างแน่นอน
เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถไปเกิดใหม่ได้หรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)