ในที่สุดหลังจากกระโดดล่อการโจมตีไปมาจนทั่วเกาะ หลิงตู้ฉิงก็เจอจุดที่เทพีหลิงเปาใช้ในการบ่มเพาะ ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่นางทิ้งมหาวิถีเต๋าเอาไว้
เมื่อลุล่วงตามเป้าหมายที่หวังแล้ว มันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่หลิงตู้ฉิงจะยังคงเล่นกับเด็กพวกนี้ต่อไป
สิ่งที่เขาทำในชั่วอึดใจถัดมาก็คือเขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาจำนวนหนึ่งจากในแหวนมิติ และจากนั้นก็โยนแผ่นหยกเหล่านี้ออกไปทั่วบริเวณรอบ ๆ แท่นหิน จัดให้แผ่นหยกพวกนี้วางตามตำแหน่งค่ายกลป้องกัน
ในเวลาเดียวกัน เมื่อการโจมตีของกานหยูพุ่งเข้ามาถึงค่ายกลที่วางเสร็จเรียบร้อย บรรดามังกรน้ำนับร้อยก็สลายหายไปทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ กานหยูก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาไม่ยินยอม เขาตั้งใจว่าจะโจมตีอัดเข้าไปอีกรอบ
แต่ก่อนที่กานหยูจะได้โจมตีซ้ำ หมิงยู่ก็พุ่งตัวเข้ามาอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิง และเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้นายท่านของข้ากำลังจะเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้ เจ้าและพวกของเจ้าจงถอยออกไป ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
เย่ชิงเฉิงก็พูดขึ้นเสริมเช่นกัน “การโจมตีของพวกเจ้าทั้งหมดที่ผ่านมาทำให้สามีของข้าตอนนี้เข้าสู่สภาวะหยั่งรู้พอดี จงถอยออกไปก่อนอย่าเข้ามารบกวน”
เมื่อพูดจบ เย่ชิงเฉิงใช้โอกาสนี้ในการเปิดค่ายกลกระบี่เหินเมฆาล้อมรอบบดบังพวกเขาเอาไว้ทั้งหมดทันที
เย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ รู้ทันทีว่าการกระทำแบบนี้ของหลิงตู้ฉิงนั้นแปลว่า เขาน่าจะหาเจอในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว
แต่ว่าพวกเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้เพราะการที่หลิงตู้ฉิงเอาพลังของมหาวิถีเต๋าสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์มาใช้ซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับการเกี้ยวพาราสีภรรยาของคนอื่นต่อหน้าสามีของนางเลยแม้แต่น้อย
มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์จะไม่รู้ตัว?
แต่ถึงแม้ว่าจะกังวล พวกเขาก็ยังต้องเล่นตามน้ำอ้างเหตุผลว่าหลิงตู้ฉิงเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้ และเปิดใช้ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาโดยใช้ข้ออ้างว่าไม่ต้องการให้ใครรบกวน
ตามกฎที่ไม่ได้มีการบัญญัติเอาไว้ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าหากมีผู้ใดกำลังอยู่ในสภาวะหยั่งรู้ ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ นั้นไม่ควรจะเข้าไปรบกวนเพราะมันไม่ต่างอะไรกับการลอบโจมตีคนไม่มีทางสู้ มันเสียเกียรติและจะถูกผู้อื่นครหาตราหน้าว่าเป็นพวกชอบลอบกัดไม่มีคนคบค้าสมาคมด้วย และยิ่งโดยเฉพาะสำนักใหญ่ ๆ ที่ต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้เป็นอันดับหนึ่ง หากไม่ใช่ศัตรูที่มีความแค้นฝังลึกกันมานานมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะโจมตี
ส่วนการสร้างการป้องกันให้กับตัวเองตอนที่เข้าสู่สภาวะหยั่งรู้นั้นยิ่งเป็นเรื่องที่ปกติเข้าไปใหญ่ ดังนั้นคนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้จึงไม่มีใครสงสัยอะไรทั้งนั้น
“เฮ้อ ไอ้หนุ่มนี่มันช่างโชคดีจริง ๆ!” ฉีจินเปาถอนหายใจ “ช่างเถอะไว้รอมันออกจากสภาวะหยั่งรู้ก่อนก็แล้วกันจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ อย่างน้อย ๆ ตอนนี้มันก็คงอยู่อย่างสงบไปสักพัก ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมาจับตาดูมันด้วย”
ทางด้านของซูชางหมิงมองไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาด้วยสายตาชิงชัง
เขาต้องการที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับหลิงตู้ฉิง โดยการให้ศิษย์ของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ไปท้าประลอง
แต่แล้วแผนของเขากลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมยังทำให้หลิงตู้ฉิงเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้อีกต่างหาก
ในตอนแรกศัตรูของนายน้อยของเขาผู้นี้ก็มีความเข้าในในกฎแห่งสวรรค์และโลกในระดับที่น่ากลัวมากอยู่แล้ว แล้วนี่ยังบังเอิญเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้ได้อีก ในอนาคตมันจะไม่ยิ่งกลายเป็นตัวตนที่น่ากลัวกว่าเดิมไปอีกงั้นเหรอ?
ซูชางหมิงคิดในใจ ยังไงเขาก็จะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งหลิงตู้ฉิงเอาไว้ที่นี่ให้ได้นานที่สุด คนผู้นี้มันพิสดารเกินไป มันอาจเป็นตัวอันตรายต่อแผนการของนายน้อยของเขา
หรือหากมันจำเป็น เขาก็ใช้มาตรการที่รุนแรงที่สุด หากไม่มีทางเลือกอื่น
ส่วนทางด้านของศิษย์ทั้ง 17 คนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายืนมองไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาด้วยสายตาตกตะลึง
ในตอนแรกพวกเขาได้รับคำสั่งมาให้มาก่อกวนหลิงตู้ฉิง แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าพวกเขากลายเป็นผู้เกื้อหนุนให้ซะอย่างนั้น?
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนแท่นหินพร้อมกับค่อย ๆ ดูดพลังของมหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์เพื่อมาบ่มเพาะร่างธาตุวารีของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)