หลังจากที่หลิงตู้ฉิงสำเร็จการบ่มเพาะร่างธาตุวารีไปอีกขั้น เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และจากนั้นพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มคลุ้มคลั่งและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิง
ในเวลานี้เป็นครั้งแรกที่บรรดาผู้คนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ เริ่มที่จะได้รับประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดจากกลุ่มของหลิงตู้ฉิงแล้ว
ภายใต้ความผันผวนของพลังวิญญาณอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นไปทั่วสำนัก ไม่มีใครในสำนักสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์สามารถบ่มเพาะได้อย่างสงบอีกต่อไป
ทุกคนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ต่างเดินออกมาจากที่พำนักของตัวเองและมองไปยังเกาะเม็ดทรายด้วยสีหน้างุนงง ซึ่งทางด้านของฉีจินเปาและซูชางหมิงเองก็หันไปมองด้วยสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาต่างรู้สึกสงสัยว่านี่มันคือการกำเนิดของสมบัติวิเศษของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาหรือเปล่า?
จากนั้นในเวลาไม่นาน ผู้คนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็มารวมตัวกันที่เกาะเม็ดทรายเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น่าเสียดายที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากพวกเขาถูกบดบังไว้ด้วยค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
ฉีจินเปาแสดงสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “นี่พวกเจ้ายังคงกล้าเปิดใช้งานค่ายกลภายในสำนักของข้าอยู่อีกงั้นเหรอ? ใครก็ได้ทำลายไอ้ค่ายกลกระบี่นี้ที ข้าอยากจะรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่!”
ในความคิดของเขา ไม่ว่าอะไรจะอยู่ข้างในเกาะเม็ดทรายมันย่อมเป็นของสำนักเขา
แต่แล้วก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือ ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็เปิดออกพร้อมกับเย่ชิงเฉิงที่ปรากฎตัวออกมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “นี่พวกเจ้าต้องการจะทำอะไร? สามีของข้าแค่ทะลวงระดับเท่านั้น!”
ฉีจินเปาตอบกลับ “แม่นางเย่ ข้ารู้ว่าเมื่อครู่ท่านพบสมบัติวิเศษในสำนักของเรา ข้าหวังว่าท่านจะมอบสิ่งที่เป็นของของเราคืนมาให้ข้า!”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นนายน้อยฉีนี่เอง!” เย่ชิงเฉิงพูดขึ้น “หากท่านคิดว่าพลังวิญญาณที่ผันผวนเมื่อครู่นั้นเกิดจากที่พวกข้าเจอสมบัติวิเศษล่ะก็ท่านคิดผิดแล้ว ก่อนหน้านี้บรรดาศิษย์สำนักของท่านได้พากันมารุมล้อมและยั่วยุสามีของข้าให้สู้กับพวกเขา และจากนั้นเมื่อต่อสู้ไปได้สิบกว่ารอบสามีของข้าก็บังเอิญบรรลุสภาวะหยั่งรู้และยังสามารถคิดค้นวิชาใหม่ได้อีกต่างหาก สิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่ว่าพวกเราได้สมบัติวิเศษอะไรมาทั้งนั้น หรือท่านจะบอกว่าพลังวิญญาณที่สามีของข้าดูดซับเข้าไปเป็นของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ของท่านแค่เพียงผู้เดียว? เท่าที่ข้ารู้มาพลังวิญญาณนั้นเป็นของที่ทุกคนบนโลกใช้ร่วมกัน หากท่านต้องการจะได้มันคืน ข้าเกรงว่าท่านคงจะไม่มีเหตุผลแล้วล่ะ”
“แม่นางเย่ ท่านอย่าได้กล่าวอ้างอะไรไร้สาระกับข้า ข้าขอยืนยันไม่ว่าสิ่งใดที่ท่านเจอในสำนักของข้า ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะเอามันติดตัวออกไป!” ฉีจินเปาตะโกนสวน
“ข้าก็บอกไปแล้วไงว่ามันไม่มี! ทั้งหมดมันเป็นเพราะสามีของข้าทะลวงระดับก็แค่นั้น!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จากนั้นจู่ ๆ ความผันผวนของพลังวิญญาณก็หยุดลงพร้อมกับที่หลิงตู้ฉิงก็ลุกขึ้นยืน
ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาได้พัฒนาไปอยู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 แล้ว!
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงทะลวงระดับจริง ฉีจินเปาก็ยิ่งมีสีหน้าที่เคร่งเครียดพร้อมกับคิดในใจ
ด้วยความผัวผวนของพลังวิญญาณที่รุนแรงและมากมายขนาดนี้ มันเป็นไปได้ยังไงที่คนผู้นี้จะทะลวงระดับเพียงแค่ระดับเดียว? ความเป็นไปได้เดียวที่เกิดขึ้นก็คือคนผู้นี้จะต้องพบสมบัติวิเศษที่ช่วยให้พรสวรรค์ของเขายกระดับขึ้น ซึ่งมันคงจะทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าไปอีกระดับอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของฉีจินเปาก็ยิ่งมืดหม่นลง เขาตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปยังหลิงตู้ฉิง “คืนสมบัติของสำนักข้ามาเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นร่างของชายสามคนจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าต่อหน้าสายตาของผู้คน พวกเขาทุกคนคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและขอบเขตจักรพรรดิ
“พวกท่านมาเยือนสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ของเราในฐานะแขก ดังนั้นก็จงทำตัวเยี่ยงแขกที่ดี จงคืนสมบัติของสำนักเรามาซะ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างทั้งสามคนที่ปรากฏตัวพูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)