คำแรกที่ฉีหานหยูเอ่ยก็คือการขอโทษก่อนทันที จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องที่เล้งหวงสั่งให้ ซูชางหมิงเดินทางมาที่สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อล่อลวงพวกเขา หลังจากเล่าย้อนความไปได้พักใหญ่ ฉีหานอยูก็กล่าวปิดท้ายว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ของเรากับสำนักของพวกท่านนั้นดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ที่เหตุการณ์ทุกอย่างมันลงเอยเช่นนี้ก็เพราะพวกเราถูกปั่นหัว”
“ในตอนนี้ประตูเคลื่อนย้ายของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์เราถูกทำลายจนย่อยยับ เกาะต่าง ๆ มากมายของสำนักเสียหายจนไม่เหลือสภาพเดิมและที่สำคัญเปลือกของมหาวิถีเต๋าของสำนักเราก็แตกออกจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเราจะฟื้นฟูมันให้กลับมาได้สมบูรณ์ดังเดิม ซึ่งพวกเราเองก็รู้ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของพวกเรา ที่ผู้น้อยมาที่นี่เพียงคนเดียวก็เพราะท่านเจ้าสำนักไม่อาจมาด้วยตนเองได้เพราะเขาต้องรั้งอยู่ที่สำนักเพื่อประเมินและซ่อมแซมความเสียหายที่ได้รับเบื้องต้น เขาได้ส่งผู้น้อยมาเพื่อให้คำอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกท่าน เนื่องจากท่านเจ้าสำนักไม่ต้องการให้ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเราทั้งสองสำนักมันหยั่งรากลึกลงไปจนเกินจะแก้ไขได้”
อันที่จริงจุดมุ่งหมายแรกที่ฉีหานหยูมาที่นี่ก็เพราะว่าเขาต้องการมาคุยกับเล้งหวง เรื่องการชดใช้ให้กับสำนักของเขา
แต่แล้วเมื่อเขามาถึง เขากลับได้ทราบข่าวว่าเล้งเจี้ยนชิวถูกเขตแดนหมอกดูดกลืนไปเรียบร้อย แต่บรรดาตัวตนระดับสูงของตระกูลอื่น ๆ กลับถูกช่วยเหลือออกมาจนหมดโดยหลิงตู้ฉิง
เมื่อเผชิญกับเรื่องราวที่กลับตาลปัตรเช่นนี้ เขาจะสามารถพูดร้องขออะไรได้อีก? เขาทำได้เพียงแต่คิดซะว่าสำนักของเขามันโชคร้ายเอง และยอมรับในความผิดของสำนักเขาเพื่อไม่ให้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เอาเรื่องที่สำนักของเขาพยายามจะสังหารเย่ชิงเฉิง ซึ่งมีฐานะเป็นถึงลูกสาวของเจ้าสำนัก ไม่เช่นนั้นสำนักของเขาคงได้ถูกลบหายออกไปจากแผนที่โลกจริง ๆ
ทางด้านของเหล่าผู้คนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าหลิงตู้ฉิง
ในตอนนี้เขาได้รู้ถึงความแสบสันต์ของหลิงตู้ฉิงเรียบร้อยว่า ถ้าหากมีใครทำให้เขาไม่พอใจเมื่อไหร่ ฝั่งตรงข้ามก็เตรียมตัวรับหายนะได้เลย
แล้วยิ่งเมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องที่พวกเขาพยายามบังคับให้เย่ชิงเฉิงแต่งงานใหม่กับเล้งหวง ซึ่งถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง ๆ สำนักของพวกเขาจะมีสภาพที่เละเทะถึงขนาดไหนกัน?
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขานึกถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นที่อยู่หลังสำนัก พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก
เมื่อเล่าเรื่องทุกอย่างจนหมด ฉีหานหยูก็ขอตัวกลับสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ทันที
แม้ว่าเขาจะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ความผิดที่สำนักของเขาก่อมันหนักหนาเกินไป เขาจึงรู้ตัวดีว่านับแต่นี้ต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสำนักจะไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม
ทางด้านบรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้รู้สึกเวทนาอะไรกับความสูญเสียของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์
อันที่จริงในตอนแรกที่ได้ฟังว่าเย่ชิงเฉิงนั้นถูกปฏิบัติอย่างไรและเกือบถูกฆ่าตาย เย่ชางคงและมู่หลงหยานนั้นรู้สึกโมโหมาก พวกเขาถึงกับวางแผนไว้ว่าหลังจากที่จัดการเรื่องในสำนักเสร็จเมื่อไหร่พวกเขาจะไปคิดบัญชีกับสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ทันที
แต่ในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินท่อนสุดท้ายที่ฉีหานหยูบรรยายถึงความเสียหายของสำนักตัวเอง ทั้งเย่ชางคงและมู่หลงหยานกลับรู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะไปคิดบัญชีอีกรอบ
เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าความเสียหายที่หลิงตู้ฉิงได้ก่อเอาไว้นั้นมันก็รุนแรงอยู่พอสมควรแล้ว หากพวกเขายังยกพวกไปคิดบัญชีอีกมันก็ออกจะดูว่าพวกเขาโหดร้ายไปสักหน่อย
“ตู้ฉิง ชิงเฉิง ในเมื่อสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ให้คำอธิบายพร้อมกับขอโทษ และพวกเจ้ายังทำการสั่งสอนพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเราก็ลืมเรื่องที่ผ่านมาไปก็แล้วกัน” เย่ชางคงพูดขึ้นกับหลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิง
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ตั้งแต่ที่ข้าออกมาจากสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรกับพวกเขาอีกแล้ว แต่ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเบื้องหลังทั้งหมดมันเป็นเพราะเล้งหวง ซึ่งข้าอุตส่าห์ใจดียอมตกลงแลกเปลี่ยนเพื่อพาคนของเขาออกมา แต่ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาเป็นต้นเหตุ และมันเป็นที่ข้าเองด้วยที่ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอจนถูกรังแกได้ง่าย ๆ งั้นมันก็คงช่วยไม่ได้ที่ข้าต้องหาคนรับใช้เพิ่มอีกสักคนที่แข็งแกร่งกว่าที่มีอยู่สักหน่อย ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นต้นสินะ ไม่เลวเลยทีเดียว แบบนี้ทุกอย่างก็ลงตัว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะยังไงเล้งเจี้ยนชิวก็ยังคงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขา มันคงจะไม่งามเท่าไหร่ที่หลิงตู้ฉิงจะจับมาเป็นคนรับใช้แบบนี้
เย่ชางคงรีบเอ่ยขึ้นทันที “ตู้ฉิง เจ้าไตร่ตรองอีกทีได้ไหม? ถึงแม้ว่าเล้งเจี้ยนชิวและเล้งหวงจะทำความผิดร้ายแรงและควรจะถูกลงโทษ แต่ความผิดของเขามันก็ไม่ถึงขนาดที่จะต้องถูกเจ้าพาไปเป็นคนรับใช้ เจ้าทำแบบนี้มันทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจเช่นกันนะ!”
“ลำบากใจ?” หลิงตู้ฉิงเย้ยหยัน “ข้าถือว่าข้าปราณีมากแล้วที่จับพวกเขามาเป็นคนรับใช้และไม่ฆ่าพวกเขาทั้งตระกูล หากใครมีปัญหากับข้าพวกเขาสามารถมาเจรจากับข้าได้หมดข้ายินดีรับฟัง แต่ถ้ากล้าโจมตีข้าก่อน ก็อย่าได้หาว่าข้าโหดร้ายในเวลาที่ข้าโต้กลับไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)