ถึงแม้ว่าอู่หยุนจี๋จะไม่เคยได้ยินชื่อของหวงเซียะมาก่อน แต่เมื่อเขาได้ยินว่านางเป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์ เขาจึงไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อคำกล่าวของนาง
เขารีบนำคำขอของหวงเซียะไปรายงานต่อหลิงยี่เทียนทันที
หลิงยี่เทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “คนของภูเขาฟีนิกซ์มาที่นี่งั้นเหรอ? แม่ทัพอู่ เจ้าจงไปนำนางเข้ามาหาข้า”
เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าคนของภูเขาฟีนิกซ์มาที่นี่ทำไม แล้วยิ่งคนในครอบครัวของเขาบางคนมีความสัมพันธ์กับภูเขาฟีนิกซ์ด้วยอยู่แล้ว มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากเข้าไปอีกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของหวงเซียะคืออะไร
ไม่นานต่อมา หวงเซียะและหลิงยี่เทียนก็ได้พบกัน
“ข้าสงสัยว่าแม่นางหวงเซียะต้องการพบข้าเนื่องจากเหตุใด?” หลิงยี่เทียนถามขึ้น
หวงเซียะยิ้มและตอบว่า “พวกเรามาที่ทะเลชางหมางเพราะต้องการตามจับกุมตัวเหล่าผู้ทรยศที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิต หากฝ่าบาทช่วยเหลือพวกเราในการตามหาคนเหล่านั้น ภูเขาฟีนิกซ์ของเราจะจดจำบุญคุณนี้เอาไว้”
“โดยเฉพาะหลังจากที่ข้าเข้ามาในทะเลชางหมาง ข้าได้ยินข่าวว่าฝ่าบาทเพิ่งจะผ่านศึกใหญ่กับเหล่าเผ่าอสูรและสังหารพวกมันไปมากมาย ซึ่งฝ่าบาทอาจจะยังไม่ทรงทราบว่าแท้จริงแล้วเหล่าอสูรพวกนั้นมันมีที่มาที่แข็งแกร่งขนาดไหน เอาเป็นว่าข้าจะบอกกับฝ่าบาทว่าถ้าหากทะเลชางหมางไม่มีผนึกค่อยปกป้องแล้วล่ะก็ พวกท่านจะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด หากฝ่าบาทช่วยเหลือพวกเรา เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาทต้องการความช่วยเหลือ พวกเราก็จะยื่นมือช่วยท่านเช่นกัน”
หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ไอ้พวกอสูรเหล่านั้นน่ะเหรอ? พวกมันก็เป็นอสูรที่มาจากสันเขาหมื่นอสูรถูกต้องใช่ไหมล่ะ ทำไมข้าจะไม่รู้เรื่องนี้? ต่อให้มันกล้ามาบุกข้าอีก ข้าก็จะฆ่ามันจนไม่เหลือเหมือนเดิมไม่ว่าพวกมันจะเป็นอสูรชนิดไหนก็ตาม ส่วนกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่แม่นางเอ่ยขึ้นมานั้น ถึงแม้ว่าข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของคนกลุ่มนี้มาบ้าง แต่ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแหล่งกบดานของพวกเขาอยู่ที่ไหน”
ถึงแม้ว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตจะไม่ใช่กลุ่มคนดีอะไรนัก แต่หลิงยี่เทียนก็ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นปรปักษ์อะไรด้วย เนื่องจากอย่างน้อย ๆ ก็มีผู้ที่เคยเป็นสมาชิกกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตอยู่ในครอบครัวเขาถึง 2 คน ดังนั้นตราบใดที่กลุ่มเสื้อคลุมโลหิตไม่มาวุ่นวายอะไรกับอาณาจักรของเขา เขาก็จะไม่ไปวุ่นวายอะไรด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับหวงเซียะ ถึงแม้ว่านางจะเสนอความช่วยตอบกลับแก่เขาเช่นกันเขาก็ไม่สนใจ ซึ่งถ้าหากไม่ใช่ว่าครอบครัวของเขามีความเกี่ยวพันกับภูเขาฟีนิกซ์อยู่บ้าง เขาคงไม่ปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจเช่นนี้
อันที่จริงถ้าหากหลิงเทียนหยุนได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้กับหลิงยี่เทียนฟังบ้าง คำตอบมันก็คงจะไม่ออกมาเป็นรูปแบบนี้ หลิงยี่เทียนคงจะให้ความช่วยเหลือกับหวงเซียะไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หลิงเทียนหยุนไม่อยู่ที่นี่ เขากำลังอยู่ที่เกาะมายาเพื่อเก็บตัวบ่มเพาะอยู่เพียงลำพัง
ในทะเลชางหมางนั้นมีเกาะอยู่มากมาย เกาะมายานั้นคือเกาะที่อยู่ทางใต้สุดของทะเลชางหมาง ส่วนปัจจุบันเกาะน้ำเต้าที่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลชางหมางได้กลายมาเป็นที่ตั้งใหม่ของเมืองหลวงของอาณาจักรจันทรา ซึ่งอยู่ที่กึ่งกลางทะเลชางหมางพอดี ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่หลิงเทียนหยุนจะรู้ว่าหวงเซียะได้มาถึงที่นี่
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ หวงเซียะก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ฝ่าบาทจะช่วยพวกเราสักหน่อยไม่ได้เลยงั้นเหรอ? ข้าพร้อมที่จะจ่ายข้าตอบแทนท่านเป็นอย่างงามสำหรับการช่วยเหลือพวกเราครั้งนี้”
หากเป็นเมื่อก่อน นางคงโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่นางถูกสั่งสอนไปโดยหลิงตู้ฉิง ซึ่งถึงแม้ว่านางจะจำไม่ได้แต่นิสัยของนางก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างถาวรเรียบร้อยแล้ว นางจึงไม่ใช้ฐานะของนางที่เป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์ในการข่มเหงใครอีก
และที่สำคัญ นางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากในเรื่องที่หลิงยี่เทียนบอกว่าเขารู้อยู่แล้วว่าพวกอสูรพวกนั้นมาจากสันเขาหมื่นอสูร แต่เขากลับยังกล้าสังหารอสูรเหล่านั้นไปจนหมดโดยไม่เกรงกลัวอะไรเลย
ที่เขากล้าทำเช่นนี้ก็เพราะเขาคิดว่าหากอยู่ในทะเลชางหมางอสูรเหล่านั้นจะทำอะไรเขาไม่ได้งั้นเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)