หลังจากจบศึกที่เกาะวาฬยักษ์ ทัพอสูร 1,000 ตนของสันเขาหมื่นอสูรก็ถูกสังหารจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้แต่ตนเดียว ซากศพของทัพอสูร 1,000 ตนถูกแบ่งสันปันส่วนให้กับทุกคนที่เข้าร่วมรบ แต่ผู้ที่ได้ส่วนแบ่งมากที่สุดคือ หลิงว่านจุน ซึ่งนำบรรดาเนื้อของซากศพเหล่านั้นไปพัฒนากองทัพมังกรของตนเอง
ในขณะเดียวกับที่สมาชิกครอบครัวของหลิงตู้ฉิงกำลังจัดการกับปัญหาของตัวเองอยู่นั้น หวงเซียะก็ได้พาองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 500 คนมาถึงอาณาเขตนภาเรียบร้อยแล้ว
ในขณะนี้ระดับการบ่มเพาะของหวงเซียะ พัฒนามาจนถึงระดับสวรรค์สามัญเป็นที่เรียบร้อย สาเหตุที่นางสามารถทะลวงระดับได้เร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะเลือดปีศาจฟีนิกซ์อเวจีที่นางได้รับมาจากการช่วยเหลือของหลิงตู้ฉิง เมื่อตอนที่อยู่ในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเป็นสาเหตุหลัก
และหลังจากที่นางทะลวงระดับสวรรค์สามัญได้สำเร็จและปรับระดับการบ่มเพาะใหม่จนเสถียรแล้ว นางก็รีบยื่นคำขอของนางไปกับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเรื่องการสืบสวนเมืองขนนกอัคคีที่ติดค้างอยู่ในใจนางมาโดยตลอด เพราะหลิงตู้ฉิงได้ใส่ความทรงจำนี้ไว้ให้เตือนนางอยู่เสมอ ซึ่งนางแสดงเจตนาอันแรงกล้าของตัวเองที่ต้องการไปสืบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเองโดยอ้างเหตุผลว่านางต้องการทำเพื่อเผ่าฟีนิกซ์ของนาง
เนื่องจากเหล่าผู้อาวุโสทุกคนต่างเอ็นดูนางเป็นที่สุดและให้ความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงไม่อยากขัดใจและยอมตกลงตามที่นางขอ
จากนั้นนางก็ได้นำองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 500 คนเดินทางไปยังเมืองขนนกอัคคีเพื่อสืบสวนตระกูลหนิงที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับเผ่าอสูร ซึ่งหลังจากที่นางไปถึงเมืองขนนกอัคคีและสืบสวนเรื่องราวอยู่ที่นั่นพักใหญ่ สุดท้ายนางก็พบหลักฐานที่ตระกูลหนิงร่วมมือกับเผ่าอสูรจริง ๆ ซึ่งมันทำให้นางต้องรีบเดินทางมาที่อาณาเขตนภาต่อเพื่อจัดการกับตระกูลผู้ทรยศซะ
องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์นับได้ว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของโลก
คุณสมบัติเบื้องต้นของเหล่าทหารที่จะสามารถเข้าร่วมกับองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ได้คือต้องสามารถควบแน่นร่างฟีนิกซ์ที่แท้จริงได้แล้วเท่านั้น และระดับการบ่มเพาะต่ำที่สุดของพวกเขาคือระดับสวรรค์สามัญหรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันก็ไม่ใช่ตัวตนที่หาดูยากในกองกำลังนี้
ส่วนองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ 500 นายที่หวงเซียะพามาด้วยนั้นองค์รักษ์ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดคือระดับนักบุญ ซึ่งแน่นอนว่าไม่นับรวมผู้อาวุโสอีกสองคนที่แอบตามมาโดยที่หวงเซียะไม่รู้ตัว
หลังจากที่มาถึงอาณาเขตนภา หวงเซียะก็สั่งการกับเหล่าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทันที “พวกเจ้าจงออกไปหาข่าวมาทีว่าเมืองเจิ้นไห่อยู่ที่ไหน?”
เนื่องจากนางสืบทราบมาว่าขณะนี้พวกของหนิงเฟิงซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตนภา ซึ่งมันเป็นไปได้เป็นอย่างมากว่า หนิงเฟิงน่าจะอาศัยความพิเศษของทะเลชางหมางซ่อนตัวอยู่ในนั้น
หลังจากนั้นพวกนางก็ได้เข้าไปยังเมืองเจิ้นไห่และทำการประกาศให้รางวัลกับผู้ใดก็ตามที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนเผ่าฟีนิกซ์ที่ปรากฏตัวขึ้นแถว ๆ นี้ ซึ่งในเวลาไม่นานหลังจากที่นางปิดประกาศไป นางก็ได้รับข้อมูลว่ามีการพบเห็นคนของเผ่าฟีนิกซ์ในบริเวณรอบ ๆ นี้เมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“คนส่วนหนึ่งของพวกมันหลบอยู่ในทะเลชางหมางจริง ๆ สินะ?” หวงเซียะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้ใดที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าหลุดพ้นสามัญให้ตามข้าเข้าไปในทะเลชางหมาง ส่วนที่เหลือให้แบ่งออกไป 3 กลุ่มแยกกันไปเฝ้าทางออกของทะเลชางหมางเอาไว้ทั้งหมด และจงใช้คันฉ่องฟีนิกซ์ส่องดูทุกคนที่เข้าออกทะเลชางหมางว่าใครมีสายเลือดฟีนิกซ์ หากพบเจอจงจับกุมตัวเขาไว้ทั้งหมดรอจนกว่าข้าจะออกมาอีกที”
เฟิงชิวหยุนรีบตอบรับทันที “บ่าวรับทราบ!”
เขาคือผู้ที่ได้รับคำสั่งของเหล่าผู้อาวุโสมาให้เป็นผู้นำองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 500 นายที่ติดตามหวงเซียะมาในครั้งนี้ ซึ่งระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับนักบุญ
ในตอนนี้จากคำสั่งของหวงเซียะ เขาจึงทำการแบ่งกองกำลังของเขาออกเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มขององค์รักษ์ระดับสวรรค์สามัญทั้ง 57 นายนั้นเขาจัดให้ตามหวงเซียะเข้าไปในทะเลชางหมางทั้งหมด ส่วน 443 นายนั้นเขาก็ให้แยกกันเป็น 3 กลุ่มและส่งไปเฝ้าทางออกทั้งสามทางของทะเลชางหมางพร้อมกับใช้อำนาจของคันฉ่องฟีนิกซ์ส่องดูทางออกทุกด้านไว้ด้วยเช่นกัน
คันฉ่องฟีนิกซ์ นั้นคือสมบัติวิเศษของภูเขาฟีนิกซ์ ซึ่งความสามารถของมันคือการส่องทะลุเปลือกนอกใด ๆ ก็ตามเพื่อสืบทราบว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีสายเลือดที่มาจากอะไร หรือแม้แต่สามารถเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของผู้ที่กำลังใช้วิชาพรางกายเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองอยู่มันก็ทำได้
เมื่อเห็นว่าหวงเซียะได้เข้าไปในทะเลชางหมางพร้อมกับองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ 57 นาย ผู้อาวุโสทั้งสองที่ตามนางมาอย่างเงียบ ๆ ก็มองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น
“นังหนูของพวกเราพาคนเข้าไปในทะเลชางหมางแค่นั้น มันคงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนางใช่ไหม? ในทะเลชางหมางนั้นมีเหล่ากองกำลังมากมายหลายฝ่ายแฝงอยู่จนมันยุ่งเหยิงไปหมด ข้าล่ะกังวลจริง ๆ ว่าถ้าเกิดอะไรกับนางขึ้นมา ข้าคงจะต้องเสียใจจนตายแน่ ๆ”
“มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับนางหรอก เจ้าอย่าลืมสิว่าก่อนที่นางจะทะลวงระดับมาอยู่ที่สวรรค์สามัญ นางมีพื้นฐานมาจากขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 เชียวนะ แม้แต่ข้ายังรู้สึกได้เลยในเวลาที่นางอยู่ใกล้ ๆ ว่าวิญญาณของข้ามันกำลังถูกกดดันอยู่ ข้าคิดว่ามันคงไมมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญคนไหนในทะเลชางหมางที่สามารถเอาชนะนางได้หรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)