อันที่จริง หลิงตู้ฉิงรู้สึกแปลกใจว่าทำไม เย่ชางคงถึงรู้เรื่องของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ว่ามันกำลังจะเปิดทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแท้ ๆ
หรือจะเป็นไปได้ว่า เย่ชิงเฉิงได้ไปบอกพ่อของนางในเรื่องนี้?
เมื่อเย่ชิงฉิงเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเหลือบมองมาที่นาง นางก็ยิ้มและเอ่ยขึ้นทันที “สามีข้าไม่ได้บอกอะไรกับท่านพ่อของข้าหรือคนอื่น ๆ เลย ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่พวกเขาไปรู้ข่าวนี้มาจากไหน”
เมื่อได้ยินที่ทั้งคู่คุยกัน เย่ชางคงก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “พวกเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?”
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กุญแจของตำหนักศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของข้า ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าเจ้าไปได้ข้อมูลว่ามันกำลังจะเปิดมาจากไหน?”
ต่อให้เป็นคนใกล้ชิดของเขา มันก็มีเพียงบางคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงสงสัยเป็นอย่างมากว่าเย่ชางคงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง
เย่ชางคงอึ้งไปสักพัก จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ที่แท้กุญแจดอกสุดท้ายอยู่กับเจ้างั้นเหรอ?”
“กุญแจดอกสุดท้าย?” หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงมองหน้ากันด้วยความงุนงง
ตำหนักศักดิ์สิทธิ์มันมีกุญแจหลายดอกงั้นเหรอ?
มู่หลงหยานยิ้มและพูดว่า “มันต้องมีกุญแจครบ 3 ดอกถึงจะสามารถเปิดตำหนักศักดิ์สิทธิ์ได้ สองดอกแรกได้อยู่กับ สำนักสวรรค์สัประยุทธ์ และ สำนักเบญจธาตุ ซึ่งพวกเขาต่างรู้ตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งแต่เมื่อ 800 ปีก่อนแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครหากุญแจดอกสุดท้ายเจอ มันจึงไม่มีใครสามารถเข้าไปด้านในได้สักที ข้านึกไม่ถึงเลยว่าแท้ที่จริงแล้วมันจะมาอยู่ในมือเจ้านี่เอง”
หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้หอการค้าเชื่อมสวรรค์สาขาอาณาเขตสุสานกระบี่ถึงมีข้อมูลของตำหนักศักดิ์สิทธิ์
เย่ชางคงหัวเราะ “อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนแรกว่าพวกเราต้องการไปเพื่อเสี่ยงดวงเท่านั้น แต่ในเมื่อกุญแจดอกสุดท้ายอยู่ในมือเจ้าแบบนี้งั้นรอบนี้พวกเราคงได้เข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอนแล้ว เจ้ารอพวกเราสักครู่ ข้าขอเวลาเตรียมคนเพื่อเข้าไปด้านในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ก่อน”
ก่อนหน้านี้พวกของเย่ชางคงไม่รู้ว่ารอบนี้ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จะเปิดได้หรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงเตรียมไปด้วยไม่มาก แต่เมื่อตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่ามันจะต้องเปิดได้เขาจึงจำเป็นต้องเตรียมคนอีกรอบ
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่ชางคง และพูดว่า “ข้ารอพวกเจ้าก็ได้ แต่พวกเจ้าต้องบอกข้าทุกอย่างที่เจ้ารู้เกี่ยวกับตำหนักศักดิ์สิทธิ์นั่นให้ข้าฟัง”
“ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ต้องเล่ารายละเอียดของตำหนักศักดิ์สิทธิ์นี้ให้กับทุกคนที่กำลังจะไปได้ฟังอีกรอบอยู่แล้วเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับทุกคน” เย่ชางคงหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันกับเขา เนื่องจากเขารู้อยู่แล้วว่าเมื่อไหร่ที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เปิดออก มันจะต้องมีผู้คนจำนวนมากที่ทราบข่าวและกรูตามกันเข้าไป
ดังนั้นแล้วเพื่อเป็นการดีต่อเขามากที่สุด เขาจึงใช้โอกาสนี้ในการถามหาข้อมูลไปด้วยเลย
ผ่านไปเพียงครู่เดียวคนของทั้งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็พากันอยู่ในอาการอยู่ไม่สุข เมื่อพวกเขาได้ทราบข่าวว่าตำหนักศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเปิดเพราะหลิงตู้ฉิงมีกุญแจดอกสุดท้ายอยู่กับตัว
ศิษย์ของสำนักจำนวนมากถูกเรียกให้มารวมตัวกันทันที
“ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเขาจะพาโชคใหญ่มาให้กับพวกเราแบบนี้!” หานซ่งหยวนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ด้วยเรื่องนี้ มันจึงทำให้มีคนบ่นเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงน้อยลง
ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ หลิงตู้ฉิงได้เอาทั้งวัสดุจำนวนมากมายมหาศาลและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลายคนไป ดังนั้นการที่หลิงตู้ฉิงสามารถทำให้พวกเขาเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ได้มันจึงเหมือนการช่วยชดเชยในสิ่งที่พวกเขาเสียไป
การเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์นั้น หากผู้ใดมีโชคมากพอ คนผู้นั้นอาจจะได้ครอบครองอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์เลยก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)