การกระทำของหลิงตู้ฉิง ทำให้เหล่าผู้คนคนถึงกับอึ้งไปตาม ๆ กัน
แค่เจ้าบอกว่าต้องการเข้าไป เจ้าก็ได้เข้าไปแล้วงั้นเหรอ?
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้หนึ่งเมื่อเห็นเช่นนี้จึงอยากลองทำบ้าง เขาเดินไปที่หน้าประตูตำหนักทันทีและตะโกนว่า “หลีกทางไปซะ ข้าจะเข้าไป!”
คราวนี้เปลวเพลิงที่กำลังลุกท่วมประตูกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่น้อย
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้นั้นเดินคอตกกลับมาด้วยความอับอายพร้อมกับบ่นกับตัวเอง “สงสัยเคล็ดลับในการออกเสียงของข้าคงไม่ถูกแน่ ๆ!”
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งที่สำเร็จเคล็ดการควบคุมเพลิงเรียบร้อยก็เดินตรงไปที่ประตู จากนั้นเขาก็ใช้เคล็ดลับการควบคุมเพลิง แหวกเปลวเพลิงเข้าไปเปิดประตูได้อย่างปลอดภัย
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงกันทุกคน พวกเขาแค่ให้ผู้เชี่ยวชาญสักคนในพรรคพวกของตนเองเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก็พอ และให้คนผู้นั้นทำการแหวกเปลวเพลิงให้ผู้อื่นตามเข้าไปก็ได้
แต่มันก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอีกคนหนึ่งที่ดื้อดึงไม่ยินยอมเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิง พยายามผ่านเปลวเพลิงด้วยอำนาจอาณาเขตสวรรค์ของตนเอง
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ เมื่ออำนาจของอาณาเขตสวรรค์ของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นสัมผัสกับเปลวเพลิงที่ลุกท่วมอยู่ตรงหน้าประตู อาณาเขตสวรรค์ของเขากลับถูกเผาไหม้แถมมันยังลุกลามมาถึงร่างของตนเองจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาผู้คนที่มีความคิดดื้อดึงต่างก็พากันเปลี่ยนสีหน้าและยินยอมที่จะเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเห็นว่าเหล่าผู้คนที่ไม่ยอมเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก่อนหน้านี้ต่างเพิ่งมาเริ่มฝึกฝนกัน เย่เจียงไห่ก็ยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เพิ่งจะคิดได้กันสินะ เอาล่ะ ท่านพ่อพวกเราเข้าไปกันเถอะ!”
เมื่อพูดจบ เย่เจียงไห่ก็ใช้เคล็ดการควบคุมเพลิงแหวกเปลวเพลิงพาทุกคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปด้านในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
ส่วนบรรดาสำนักอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าตามเข้าไป เนื่องจากพวกเขากลัวว่าถ้าหากเย่เจียงไห่เกิดรำคาญพวกเขาขึ้นมา และปล่อยเพลิงที่แหวกออกให้คืนสภาพเดิม พวกเขาก็จะถูกเผาตายโดยไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย
เมื่อคิดถึงความเสี่ยงต่อชีวิตเช่นนี้ของพวกเขา พวกเขาจึงได้แต่ทนนั่งเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงต่อไปด้วยตนเอง
หลังจากที่ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เดินตามเย่เจียงไห่เข้าไปในประตูตำหนัก พวกเขาก็รู้สึกได้อีกครั้งว่าที่ด้านในตำหนักนั้นมันเหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่งอีกแล้ว
สิ่งที่พวกเขาเห็นในตอนนี้คือทุ่งโล่งกว้างนับร้อยตารางกิโลเมตรที่มีแต่สมุนไพรยืนต้นเต็มไปหมด
ในบรรดาสมุนไพรที่เห็นส่วนใหญ่มันเต็มไปด้วยสมุนไพรระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดหรือแม้แต่สมุนไพรระดับจักรพรรดิก็หาดูได้ไม่ยากในทุ่งแห่งนี้ และที่สำคัญมันยังมีสมุนไพรบางต้นที่แผ่กลิ่นอายอันน่าหวั่นเกรงออกมา ซึ่งทุกคนต่างก็เดากันได้ว่ามันน่าจะเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์!
หากพวกเขาสามารถเก็บเอาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไปได้แล้วล่ะก็…
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีความโลภมากแค่ไหน เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวของเหล่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไปเฉียดเข้าใกล้มัน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าเก็บสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ แต่สมุนไพรที่เหลืออื่น ๆ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
จากนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็พากันพุ่งตัวรีบไปเก็บสมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่สองฝั่งข้างทางเดินอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นทุ่งที่เต็มไปด้วยสมุนไพรเช่นนี้ เย่เจียงไห่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นไปยังเหล่าคนของสำนักเขาที่กำลังเก็บสมุนไพรอยู่ในทุ่ง “พวกเจ้ามีใครเจอพริกหยกเพลิงเจ็ดสีบ้างไหม? หากใครเจอมันแบ่งมาให้ข้าสักเม็ด ข้าจะได้เอาไปให้น้องเขยจอมขี้งกของข้าเพื่อให้เขาเลิกตามทวงข้าสักที ว่าแต่ น้องเขยกับน้องสาวของข้าไปไหนกันแล้วล่ะ?”
เมื่อได้ยินเย่เจียงไห่เอ่ยขึ้น คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่พวกเขาในตอนนี้ก็ไม่เห็นกลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่เขามาก่อนพวกเขาเพียงชั่วครู่เดียวอยู่ใกล้ ๆ
“แบ่งคนของเราไว้ส่วนหนึ่งที่นี่เพื่อเก็บรวบรวมเหล่าสมุนไพร ส่วนที่เหลือให้เดินสำรวจต่อไปยังส่วนอื่น ๆ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่โตแถมยังร่ำรวยมากอีกต่างหาก ขนาดพวกเราเพิ่งเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ก็ยังมีสมุนไพรมากมายขนาดนี้แล้ว พื้นที่ส่วนลึกเข้าไปอีกมันก็น่าจะมีสิ่งของอย่างอื่นที่ล้ำค่ากว่าแน่ ๆ” บรรพบุรุษของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ต่างกำลังง่วนอยู่กับทุ่งสมุนไพร พวกของหลิงตู้ฉิงในเวลานี้ก็เดินนำเข้าไปลึกจนเกือบสุดขอบทุ่งสมุนไพรแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)