มู่หลงหยานอดไม่ได้ที่จะถอยหายใจเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง
ทุกอย่างมันเป็นเช่นที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยจริง ๆ ในอดีตสำนักโอสถนิรันตร์นั้นแข็งแกร่งกว่าสำนักของนางมากนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขามีอยู่มันจึงทำให้ยิ่งนานวันเข้าพวกเขาก็เริ่มแสดงท่าทีไม่เห็นหัวใครทั้งนั้นจนในท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกทำลายด้วยความหยิ่งผยองของตนเอง
และยิ่งโดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ของสำนักนางที่สามีของนางถูกขังไว้ในเขตแดนหมอกเป็นเวลานับพันปี ซึ่งมันทำให้สถานการณ์ภายในสำนักไม่มั่นคงส่งผลให้ความคิดของผู้คนในสำนักเริ่มที่จะแปรเปลี่ยน
หากสถานการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไปไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว มันคงมีสักวันที่สำนักของนางจะต้องเผชิญกับหายนะไม่ต่างอะไรจากสำนักโอสถนิรันดร์
แต่ไม่ว่าจะยังไง ปัญหาภายในสำนักของนางมันไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปัญหานี้มันสั่งสมมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นมันจะแก้ไขง่าย ๆ ได้ยังไง?
ส่วนคำพูดที่หลิงตู้ฉิงบอกว่าสำนักของนางยังมีโอกาสนั้นไม่ว่านางจะคิดเท่าไหร่นางก็มองไม่เห็นหนทาง
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจมู่หลงหยานที่กำลังจดจ่ออยู่ในห้วงความคิด เขาพูดกับทุกคนว่า “จะเป็นการดีที่สุดถ้าพวกเจ้าจะไม่เล่าสิ่งที่พวกเจ้าเห็นเมื่อครู่ให้ใครฟังแม้แต่คนเดียว ไม่เช่นนั้นหากในอนาคตพวกเจ้าเผชิญกับหายนะขึ้นมา พวกเจ้าก็อย่าได้โทษคนอื่น”
“เอาล่ะ ตอนนี้เรายังเหลืออีกสถานที่หนึ่งให้พวกเราได้เก็บเกี่ยวสมบัติ พวกเราจะไปที่นั่นกันต่อ และนั่นจะเป็นการจบการเดินทางครั้งนี้”
เมื่อได้ยินว่ายังมีสมบัติให้พวกเขาได้รับอีก ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาได้เข้าไปยังห้องต่าง ๆ และได้รับผลประโยชน์และสมบัติมาแล้วก็จริง แต่พวกเขายังไม่ได้เห็นคลังเก็บสมบัติของตำหนักแห่งนี้เลย ดังนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงพูดถึงสถานที่เก็บเกี่ยวสมบัติสุดท้าย พวกเขาจึงเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องพาพวกเขาไปคลังสมบัติแน่นอน
หลิงตู้ฉิงเดินนำคนของเขาอ้อมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตา ซึ่งไม่ไกลนัก เขาก็พาทุกคนเดินไปยังด้านหลังภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ซึ่งด้านหลังภูเขาจำลองนั้นมีต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่งยืนต้นอยู่
ต้นไม้ต้นนี้มีความสูงเพียงแค่ 3 เมตรเท่านั้น ลำต้นของมันมีความหนาประมาณชามข้าว กิ่งก้านของมันก็ดูเล็กและบอบบางแถมใบของมันยังเป็นสีดำ แต่สิ่งที่ทำให้ดูแปลกประหลาดและน่าตื่นตะลึงมากที่สุดก็คือแทนที่ผลของมันจะเหมือนต้นไม้ทั่ว ๆ ไป แต่ผลของมันกลับเป็นบรรดาสมบัติและอาวุธต่าง ๆ มากมายห้อยอยู่ตามกิ่งก้านสาขาเต็มไปหมด
สมบัติที่รายล้อมอยู่ทั้งหมดนี้ระดับต่ำที่สุดก็คือระดับราชัน!
เมื่อทุกคนเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาทั้งตกตะลึงและเกิดความอยากที่จะพุ่งไปเด็ดเอาเหล่าสมบัติที่ห้อยติดอยู่กับกิ่งของต้นไม้ประหลาดนี้ทันที
แต่เมื่อพวกเขานึกถึงภาพของดอกบัวที่พวกเขาเจอมา พวกเขาจึงยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม และมองไปยังหลิงตู้ฉิงแทน
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ จู่ ๆ ก็มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามายังจุดที่พวกเขาอยู่พอดี เมื่อพวกเขาหันไปมองพวกเขาก็เห็นว่าคนกลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามาคือเหล่าคนของสำนักเบญจธาตุที่ถูกนำมาด้วยผู้อาวุโสขอบเขตจักรพรรดิ
ในทันทีที่ผู้อาวุโสขอบเขตจักรพรรดิและคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่มากับเขาเห็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยสมบัติต้นนี้ พวกเขาก็พุ่งตัวไปที่ต้นไม้ด้วยสีหน้าลิงโลดทันที
“เดี๋ยว…” เสี่ยหนานเทียนตะโกนขึ้นทันที
ตั้งแต่แรกที่เสี่ยหนานเทียนเห็นต้นไม้นี้ และเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยังไม่ได้เอ่ยอะไร เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้นไม้นี้มันไม่ธรรมดา
ในตอนนี้คนของสำนักเขากลับพุ่งตัวไปยังต้นไม้ประหลาดนี้โดยประมาท เขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องตะโกนเตือน
แต่น่าเสียดายที่เขาเตือนช้าไป
แต่มันอาจจะพูดได้ว่าถึงแม้เขาจะตะโกนเตือนทัน กลุ่มคนของสำนักเขาก็คงจะไม่ฟังเขาอยู่ดีเพราะถูกความโลภบดบังความคิดอ่านไปหมดแล้ว
ซึ่งมันก็ตามที่เสี่ยหนานเทียนคิดว่าต้นไม้นี้มันไม่ธรรมดา เนื่องจากในตอนนี้กลุ่มคนของเบญจธาตุที่พุ่งตัวเข้าไปหาต้นไม้ประหลาดนั่นได้ถูกเขมือบเข้าไปในลำต้นจนหมดแล้ว
ส่วนต้นไม้นั่นหลังจากที่เขมือบผู้คนเข้าไปเสร็จมันก็ไม่เคลื่อนไหวอะไรต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)