บรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่พวกเขารู้ว่า เย่เจียงไห่คือเจ้าของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
พวกเขาต่างคิดไปว่า ด้วยทรัพย์สมบัติมากมายที่มีอยู่ที่นี่หากแบ่งมนกลับไปที่สำนักของพวกเขา สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์คงจะพัฒนาขึ้นไปอีกระดับแน่นอน
แต่ว่าคำพูดต่อไปของเย่เจียงไห่กลับทำให้อารมณ์ของพวกเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
“พวกเจ้าทั้งหมดมาที่นี่และปล้นชิงสมบัติกันเป็นว่าเล่น พวกเจ้าคิดว่าที่นี่ไม่มีเจ้าของรึยังไง?” เย่เจียงไห่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ในเมื่อข้าผู้เป็นนายเหนือหัวของตำหนักแห่งนี้ได้กลับมาแล้ว แน่นอนว่าข้าต้องการที่จะก่อตั้งสำนักของข้าขึ้นมาใหม่ ดังนั้นข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าเอาของของข้าไปได้ยังไง? ผู้ใดที่ฝึกฝนเคล็ดการควบคุมเพลิงจะต้องเข้ารับการคัดเลือกเป็นศิษย์ของสำนักข้า! มีใครต้องการจะคัดค้านคำของข้าไหม?”
“พวกข้าคือคนของสำนักเบญจธาตุ เจ้าจะบังคับพวกข้ากลายเป็นคนของสำนักเจ้าได้ยังไง?” ชายหนุ่มจากสำนักเบญจธาตุผู้หนึ่งยืนขึ้นพลางกล่าวโต้แย้ง
เสี่ยหนานเทียนที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะสบถขึ้นในใจ “ไอ้โง่เอ๊ย!”
ในสถานการณ์เช่นนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะมีใครรอดชีวิตจากที่นี่ไปได้โดยที่ไม่ได้เข้าร่วมกับเย่เจียงไห่?
แต่เสี่ยหนานเทียนก็ไม่กล้าที่จะตะโกนเตือนออกมา เนื่องจากเขายังจำคำเตือนของหลิงตู้ฉิงได้ดีว่าเขาควรจะหุบปากเอาไว้ให้ตลอด
และก็เป็นตามที่คาด หลังจากที่ชายหนุ่มจากสำนักเบญจธาตุพูดจบ ร่างของเขาก็ถูกเผาโดยเพลิงที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นจนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
เย่เจียงไห่มองไปยังเหล่าผู้คนที่เหลือด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อเจ้าเรียนรู้เคล็ดวิชาของตำหนักข้าแล้วแต่ไม่ยอมเข้าร่วมกับข้า ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่มีประโยชนือะไรที่ข้าจะเก็บพวกเจ้าไว้!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ชายชราของสำนักเบญจธาตุผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นและตะโกนไปยังเย่ ชางคงทันที “ทำไมเจ้าถึงไม่ควบคุมลูกชายของเจ้าแบบนี้? เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับสำนักเบญจธาตุงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชางคงก็ไม่ตอบอะไรเอาแต่เงียบไป
ทางด้านของเย่เจียงไห่กลับตอบไปที่อาวุโสของสำนักเบญจธาตุว่า “ตอนนี้ข้ากำลังพูดกับพวกเจ้าอยู่ หากเจ้าไม่ฟังข้า เจ้าก็จงระวังตัวเอาไว้ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ!”
ชายชราเผยสีหน้าเย็นชาและตอบกลับว่า “ต่อให้เจ้าเป็นเจ้าของตำหนักแห่งนี้แล้วมันจะยังไง!?”
เมื่อพูดจบ ชายชราก็หยินอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตนเองมาไว้ในมือทันที
ในเมื่อพวกเขากล้าเข้ามาในตำหนักแห่งนี้เพื่อขโมยสมบัติ พวกเขาจะไม่เตรียมตัวมาพร้อมเป็นอย่างดีได้ยังไง?
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้งานอาวุธในมือ เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งเข้ามาถึงตัวชายชราและส่งเปลวเพลิงเผาเขาจนเป็นจุณไปในทันที
ภายใต้การควบคุมของเย่เจียงไห่ ที่ในตอนนี้อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ ชายชราผู้นั้นไม่สามารถต่อต้านใด ๆ ได้เลย
ทางด้านของเหล่าผู้คนที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ต่างก็เงียบลงในทันทีไม่กล้าปริปากเถียงอะไรขึ้นมาอีก
เย่เจียงไห่เข้าใจเป็นอย่างดีว่าชื่อเสียงเมื่อล้านปีที่แล้วของเขานั้นคงไม่เพียงพอที่ข่มขวัญคนเหล่านี้ที่ไม่รู้จักแม้แต่ความหมายของคำว่า ‘เจ้าตำหนักแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์’ ได้
ดังนั้นเขาจึงต้องใช้แผนเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อเป็นการข่มขวัญแทน
“บังอาจหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาขู่ข้างั้นเหรอ?” เย่เจียงไห่เย้ยหยันพลางส่งคำสั่งให้เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เก็บเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของชายชราจากสำนักเบญจธาตุมาอยู่ในมือของเขา
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ บรรดาผู้คนของสำนักเบญธาตุก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)