เมื่อล้านปีที่แล้ว เย่เจียงไห่เองก็บ่มเพาะไปถึงระดับที่รู้ดีว่าอาวุธเต๋าคืออะไรและมีมูลค่าแค่ไหน
แม่ว่าตอนนี้เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของเขามันจะดูแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าอาวุธเต๋าราวฟ้ากับเหว ซึ่งถ้าหากพูดกับตามจริงแล้ว ถ้าสิ่งที่อยู่ในเขตแดนหมอกเป็นอาวุธเต๋าจริง ๆ ต่อให้เย่เจียงไห่จะกลับไปมความแข็งแกร่งเหมือนชีวิตก่อนหน้านี้ เขาก็ยังคงไม่มีทางต่อกรอะไรกับอาวุธเต๋าได้อยู่ดี
ส่วนเรื่องของพริกหยกเพลิงเจ็ดสีนั้น เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าการที่เขาไม่มอบมันให้กับหลิงตู้ฉิง มันจะส่งผลกระทบมากมายถึงขนาดนี้?
เย่เจียงไห่ถามขึ้น “น้องเขย ความสำเร็จของเจ้าในชีวิตที่แล้วคงจะไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าแน่นอน ทำไมเจ้าจะต้องมาชิงตำหนักและเตาของข้าไปด้วย? เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับอาวุธเต๋า ต่อให้เจ้าเอามันไป มันก็ใช่ว่าเจ้าจะใช้มันไปตลอดซะเมื่อไหร่จริงไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าแทนที่เพลิงในเตาของเจ้าด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ 6 สุริยะ แถมหลังจากที่ข้าเจอดอกบัว ข้าก็มอบเพลิงพิพากษาให้กับเตาของเจ้าอีก เอาล่ะตอนนี้เจ้าลองตอบข้าที ถ้าข้าคืนเตาให้เจ้าตอนนี้ เจ้าจะติดค้างข้าอีกเท่าไหร่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เจียงไห่ใจหนึ่งก็ดีใจใจหนึ่งก็รู้สึกหดหู่ เขามองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ถ้างั้นเจ้าบอกมาตรง ๆ เลยได้ไหมว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ในตอนนี้เมื่อเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รับไปทั้งเพลิงศักดิ์สิทธิ์ 6 สุริยะ และเพลิงพิพากษา ในอนาคตมันน่าจะมีโอกาสเป็นอย่างมากที่มันจะพัฒนาไปเป็นอาวุธเต๋าได้
แต่ปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือ เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของเขามันยังอยู่ในมือคนอื่น!
ถึงแม้ว่าท่าทีของหลิงตู้ฉิงจะเต็มใจพร้อมที่จะคืนมันให้กับเขา แต่ราคาเท่าไหร่กันที่เขาต้องจ่ายให้?
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ตราบใดที่เจ้ายอมรับว่าเป็นหนี้ข้าทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา! ข้อแลกเปลี่ยนของข้าคือ ข้าจะขอแบ่งสมบัติในคลังของเจ้าไปครึ่งหนึ่งและข้าต้องเป็นคนเลือกสมบัติด้วยตัวเองว่าจะเอาอะไรไปบ้าง ข้าสัญญาว่าข้าจะเลือกอย่างยุติธรรมและสุดท้าย หากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ในทุ่งสมุนไพรของเจ้าต้องการติดตามข้าไป เจ้าห้ามพูดขัดขวางออกมาแม้เพียงครึ่งคำ…”
เมื่อได้ยินข้อต่อรองขนาดนี้ เย่เจียงไห่ถึงกับเงียบไปอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาตอบกลับว่า “เฮ้อ น้องเขย ข้าไม่น่าติดค้างพริกหยกเพลิงเจ็ดสีกับเจ้าเลยจริง ๆ มันเป็นข้าเองที่ผิดต่อเจ้าก่อน เอาเป็นว่าข้ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของเจ้าก็ได้ แต่เจ้าห้ามแทรกแซงกับการจัดการปัญหาส่วนตัวของข้าหลังจากนี้เจ้าตกลงไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว และพูดว่า “ข้าไม่ใส่ใจในธุระกงการของเจ้าอยู่แล้ว! แต่เจ้าเองก็ต้องรอให้ข้าคิดบัญชีของข้าก่อนเช่นกัน จื่อรุ่ย เข้ามาหาข้าและชี้ตัวว่าใครคนไหนที่ตัดหน้าแย่งสมบัติที่เจ้าเลือกไป”
เมื่อได้ยินคำสั่ง หยุนจื่อรุ่ยก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที จากนั้นนางก็มองไปยังภาพของผู้คนที่ถูกขังเอาไว้ในคุกที่เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังฉายให้นางดูอยู่ ซึ่งเมื่อนางดูไปสักพักนางก็ชี้นิ้วไปที่ชายที่มาจากสำนักเบญจธาตุคนหนึ่งและพูดว่า “นายท่าน เป็นคนนี้!”
ด้วยการส่งสัญญาณของหลิงตู้ฉิง เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็นำตัวชายที่ขโมยสมบัติที่หยุนจื่อรุ่ยเลือกเอาไว้มาปรากฏตรงหน้าพวกเขาทันที
ชายที่มาจากสำนักเบญจธาตุ เมื่อถูกพาที่ห้องโถงใหญ่และได้เห็นกลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่อยู่กลางห้อง เขาก็รู้สึกงุนงงและพูดว่า “เอ๋? พวกเจ้าเองงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกกับเจ้าแล้วใช่ไหมว่าสมบัติของข้ามันไม่มีใครสามารถชิงไปได้ง่าย ๆ จื่อรุ่ย ปล้นทรัพย์ของเขาออกมาให้หมดทุกอย่าง”
หลังจากได้รับคำสั่ง หยุนจื่อรุ่ยก็รีบวิ่งไปหาชายที่มาจากสำนักเบญจธาตุและเริ่มทำการถอดแหวนมิติของเขาออกทุกวงและปล้นสมบัติทุกอย่างที่เขามีติดตัวเอาไว้
ชายที่มาจากสำนักเบญจธาตุได้แต่มองการกระทำของหยุนจื่อรุ่ยด้วยสายตาแค้นเคือง แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เนื่องจากในตอนนี้ทั้งร่างของเขาถูกผนึกไว้โดยเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)