เมื่อมู่หลงหยานเปิดใช้งานไม้บรรทัดหยกดำของนาง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆจู่ ๆ ก็มีดวงดาวมากมายปรากฏขึ้น ซึ่งมันเหมือนกับว่าค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนของนางโดยเฉพาะ
ภายใต้แสงดวงดาวที่สาดส่อง มู่หลงหยานตะโกนเสียงดัง “หมื่นดาราสังหาร!”
เมื่อเสียงของนางดังขึ้น แสงของเหล่าหมู่ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าก็สาดส่องไปยังเหล่ากลุ่มคนของสำนักมหาพฤกษา ซึ่งแต่ละดวงดาวที่สาดส่องแสงนั้นเป็นตัวแทนของกฎต่าง ๆ แต่ละกฎที่ต่างกันออกไป
แสงของดวงดาวเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกรงขังล้อมรอบเหล่าผู้คนของสำนักมหาพฤกษาเอาไว้ไม่ให้หนีออกไปไหน
จากนั้นเมื่อกรงขังถูกสร้างขึ้น แสงของดวงดาวก็เริ่มเข้มข้นขึ้นส่งผลให้ผู้ที่ติดอยู่ด้านในเริ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิต
โดยเฉพาะหลินฉี ผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสำนักมหาพฤกษาที่ในตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบตะโกนขึ้นทันที “เร็วเข้า ทำลายกรงนี่เดี๋ยวนี้!”
หลินฉี คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิเพียงคนเดียวของสำนักมหาพฤกษา
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของสำนักมหาพฤกษาจะยังคงห่างไกลจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อพวกเขาคำนวณแล้วว่าในกลุ่มของมู่หลงหยานจะต้องมีสมบัติติดตัวอยู่เป็นจำนวนมากที่ได้มาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมที่จะเสี่ยง
พวกเขาคาดหวังเอาไว้ว่าหลังจากได้สมบัติมาแล้วและลบร่องรอยของพวกเขา พวกเขาจะเก็บตัวและใช้ทรัพยากรที่ได้มาเอามาพัฒนาสำนักตัวเองให้ทัดเทียมกับสำนักมหาอำนาจต่าง ๆ
ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนกันมาดักเส้นทางกลับไปยังสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลงหยาน ซึ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง เพราะพวกเขาได้มาดักนางในจุดที่พวกเขาคาดเอาไว้พอดี
แต่มันยังมีสิ่งหนึ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงก็คือ พวกเขาไม่คาดคิดว่ามู่หลงหยานจะสามารถสำแดงอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่นางเพิ่งได้มาได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้มันต้องอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาแน่นอน เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรืออาวุธใด ๆ ที่ได้มาจากต้นเทวะศาสตรา อาวุธและสมบัติเหล่านั้นจะมาสามารถถูกใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบทันทีที่มันเชื่อมโยงกับเจ้าของ ไม่เหมือนกับอาวุธหรือสมบัติที่ไปปล้นชิงมาจากผู้อื่นที่จะต้องเสียเวลามาทำการลบการเชื่อมโยงของเจ้าของเก่าออกก่อน หรือไม่ก็ต้องพยายามโน้มน้าวให้จิตศาสตราที่สถิตอยู่ในสมบัติให้ทำตามคำสั่งและยังไม่รวมไปถึงต้องพยายามทำความเข้าใจในความลับของมันอีก ซึ่งต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้เมื่อกลุ่มคนของสำนักมหาพฤกษาถูกขังไว้ด้วยแสงดาวที่ดูอันตราย พวกเขาก็ไม่คิดถึงการแย่งชิงสมบัติอีกต่อไป ในตอนนี้ในหัวของพวกเขามีความคิดแค่อย่างเดียวคือหนีออกไปจากกรงนี้ให้ได้!
บรรดาผู้คนของสำนักมหาพฤกษาเกือบ 20 คนที่ระดับการบ่มเพาะต่ำสุดในพวกเขาคือขอบเขตราชันต่างช่วยกันพยายามสร้างความเสียหายให้กับกรงแสงดาวอย่างสุดฤทธิ์
แต่น่าเสียดายที่ต่อให้พวกเขาจะทำลายกรงไปได้ชั้นหนึ่ง แต่กรงเหล่านี้มันไม่ได้มีเพียงชั้นเดียว มันประกอบไปด้วยกรงหลายชั้น ซึ่งแต่ละชั้นนั้นก็เป็นอำนาจของกฎที่แตกต่างกัน
เมื่อเผชิญกับพลังแห่งกฎหลายชั้นขนาดนี้พวกเขาจะหนีไปได้ยังไง?
จากนั้นจู่ ๆ กฎที่อยู่ด้านในกรงแสงดาวก็ผันผวนและค่อย ๆ ระเบิดออกทีละกฏ ๆ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งการระเบิดแต่ละครั้งมันส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญของสำนักมหาพฤกษาตายไปทีละคนสองคน
จนในท้ายที่สุดมันก็เหลือแต่หลินฉีที่สามารถหาโอกาสจากในช่วงเวลาที่กฎระเบิดเล็ดรอดออกมาจากกรงแสงดาวโดยใช้ความพิเศษของร่างกายที่เขาบ่มเพาะหนีออกมาได้
ก่อนจะจากไป หลินฉีทิ้งคำลาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นว่า “ในอนาคตสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะต้องชดใช้!”
อันที่จริงเขาหนีเร็วกว่าคำพูดของเขาด้วยซ้ำ เมื่อจบประโยคร่างของหลินฉีก็หายไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนคนอื่น ๆ ที่กำลังจะเข้าไปช่วยมู่หลงหยาน เมื่อพวกเขาเห็นผลงานของมู่หลงหยานเช่นนี้พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
อาวุธศักดิ์สิทธิ์นั่นมีอำนาจขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)