ในเวลาเดียวกันที่เมืองสันเขาทรราช บรรดาผู้คนต่างก็พากันเหม่อมองไปที่ประตูมิติที่ค่อย ๆ ปิดลง
หลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาได้ประสบพบเจอในวันนี้มันทำให้พวกเขาไม่เข้าใจแทบทั้งหมด
มันเป็นไปได้ยังไงที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณจะเปิดประตูมิติด้วยตัวเองและพาคนจำนวนมากเข้าไปด้านในได้แบบนี้? และพลังการทำลายล้างที่พวกเขาไม่อาจต้านทานได้เลยนั่นมันคืออะไรกัน?
โดยเฉพาะที่ตอนนี้หลังจากหลิงตู้ฉิงจากไปแล้ว เมื่อพวกเขาได้สำรวจสภาพความเสียหายทั้งหมด พวกเขาก็พบว่า ณ จุดใจกลางเมืองของพวกเขาตอนนี้มันมีหลุมลึกกว่าร้อยเมตรที่ดูเหมือนกับมีสัตว์ประหลาดร่างมหึมาโผล่หน้าลงมาจากฟากฟ้าและกัดเมืองของพวกเขาแหว่งหายไปคำโต
ทางด้านของเทียนซ่งหยู ในเวลานี้ก็รู้สึกตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก่อนเขาเคยเชื่อว่าสันเขาทรราชของเขาคือขุมกำลังที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ในโลกนี้ ซึ่งต่อให้เมื่อตอนที่เขาได้ยินเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ของหลิงตู้ฉิงจากปากของหลิงยู่ชานก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรมากมายนัก
แต่ในตอนนี้เขาได้รู้ซึ้งแล้วว่าความแข็งแกร่งที่เขาเคยภาคภูมิใจนักหนาในตระกูลของตัวเองมันเป็นแค่เรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อบุญธรรมของลูกชายเขา
ในส่วนของเทียนเก๋อ ในเวลานี้เขาเองก็ยืนสั่นงกทำตัวไม่ถูก เขาเข้าใจดีว่าหายนะครั้งนี้ของสันเขาทรราชมันเกิดมาจากตัวเขาเองล้วน ๆ ที่ถูกความโลภเข้าครอบงำ
ชีวิตมากมายล้วนตกตายลงไป ไม่เว้นแม้กระทั่งปู่ของเขาก็หนีไม่พ้นหายนะนี้…
ทางด้านของเทียนซ่ง ในเวลานี้เขาสูดหายใจลึกพร้อมกับคิดในใจ ‘โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าปีศาจนั่นยอมจากไป โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าปีศาจนั่นยอมจากไป!’
แต่แล้วเมื่อเขาย้อนคิดไปถึงมหาวิถีเต๋าและเส้นชีพจรของตระกูลที่เสียหายอย่างหนัก เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาในทันที
แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้มันก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรมาเลย!
ในเมื่อหลิงตู้ฉิงไม่ได้ลงมือทำอะไรเทียนเก๋อตั้งแต่ต้นจนจบ มันก็แปลว่าเขาคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องอะไรเกี่ยวกับพลังสายเลือดสักเท่าไหร่
จากนั้นเมื่อเทียนซ่งนึกถึงพลังสายเลือดที่ได้รับการพัฒนาและบวกกับพรสวรรค์ทางด้านการบ่มเพาะของเทียนเก๋อ บางทีสันเขาทรราชอาจจะกลายเป็นรุ่งเรืองมากกว่าเดิมในอนาคตก็ได้!
แต่แน่นอนว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรต่อไปในอนาคต เขาจะต้องไม่ไปล่วงเกินปีศาจนั่นอีกเป็นครั้งที่ 2 ! เขาจำเป็นต้องบอกกับคนในสันเขาทรราชทั้งหมดให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และบอกกับบรรดาคนของเขาบางคนที่รู้จักว่าตัวตนที่แท้จริงของหลิงตู้ฉิงคืออะไรให้เงียบปากเอาไว้ ไม่เช่นนั้นหายนะจะได้มาเยือนพวกเขาอีกรอบอย่างแน่นอน!
เมื่อสรุปความคิดของตัวเองได้เช่นนี้แล้ว เทียนซ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุการณ์ในครั้งนี้มันล้วนเกิดขึ้นจากเทียนเก๋อเป็นต้นเหตุทั้งหมด แต่โชคดีที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่นักหนาสาหัสเท่าไหร่ ดังนั้นเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้น ข้าขอสั่งกักบริเวณเทียนเก๋อให้เขาสำนึกผิดเป็นเวลา 500 ปี และหลังจาก 500 ปี เมื่อเขาหลุดจากการกักบริเวณ เขาจะต้องชดใช้ความเสียหายให้กับเหล่าผู้คนทั้งหมดที่สูญเสียไปเป็นจำนวนสิบเท่าโดยเฉพาะครอบครัวของเทียนเฮง เจ้าต้องดูแลและปฏิบัติตัวกับพวกเขาเป็นอย่างดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกสังหารโดยไร้ความปราณี!”
หลังจากหลิงตู้ฉิงจากไป สิ่งแรกที่เทียนซ่งจำเป็นต้องทำก็คือการทำให้เหล่าผู้คนของเขากลับมารวมกันเป็นปึกแผ่นได้อีกรอบ ไม่เช่นนั้นสันเขาทรราชของเขาจะต้องตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ
แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องปกป้องเทียนเก๋อเอาไว้เช่นกัน
การลงโทษเทียนเก๋อด้วยการกักบริเวณเป็นเวลา 500 ปี มันก็ไม่ต่างอะไรกับไล่ให้เทียนเก๋อเก็บตัวบ่มเพาะอยู่เงียบ ๆ 500 ปี
หากดูจากความแข็งแกร่งของสายเลือดเทียนเก๋อในตอนนี้ที่ถูกพัฒนามาจนถึงระดับปัจจุบันแล้ว หลังจาก 500 ปีผ่านไป เขาน่าจะแข็งแกร่งขึ้นมากจนกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของสันเขาทรราชได้แล้วอย่างแน่นอน
ทางด้านของเหล่าผู้คนของสันเขาทรราชที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็พูดอะไรไม่ออก
ถึงแม้ว่าเทียนเก๋อจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงรวมไปถึงบรรดาญาติของพวกเขาหลายคนก็ตายลงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ในเมื่อบรรพบุรุษของพวกเขาเอ่ยเช่นนี้แล้วพวกเขาจะโต้แย้งอะไรได้อีก?
ด้วยความรวดเร็ว บรรดาผู้อาวุโสคุมกฎของสันเขาทรราชก็รีบมาพาตัวเทียนเก๋อไปกักบริเวณไว้ที่ห้องสำนึกตน
เทียนซ่ง ในเวลานี้ก็บินไปหาซวนหยวน และถามขึ้นด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “ทำไมเจ้ากับพวกของเจ้ายังไม่ไปให้พ้น ๆ อีก? เจ้าจะรั้งอยู่ที่เมืองของข้าอีกทำไม?”
ซวนหยวนถอนหายใจและเอ่ยขึ้นว่า “ขอแสดงความยินดีกับสันเขาทรราชของเจ้าด้วยที่สามารถรอดพ้นจากหายนะใหญ่ครั้งนี้ไปได้อย่างฉิวเฉียด เฮ้อ เหล่าคนรุ่นหลังของเจ้าก็ช่างโง่งมซะจริง ๆ ไม่รู้อะไรซะบ้างเลยว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ”
เทียนซ่งตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “นั่นมันเป็นเรื่องของสันเขาทรราชของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็จงกลับไปที่สำนักของเจ้าซะ!”
ซวนหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงก่อนหน้าเจ้า สำนักเต๋าสวรรค์ของข้าเองก็เกือบจะ… ช่างเถอะ เอาเป็นว่าข้าเข้าใจดีถึงความรู้สึกเจ้าในตอนนี้ก็แล้วกัน เอาล่ะงั้นข้าขอตัวก่อน ข้าลาล่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เทียนซ่งก็เดาได้ทันทีว่าที่สำนักเต๋าสวรรค์ก็คงได้ลิ้มรสความโหดร้ายของปีศาจนั่นไปก่อนพวกเขาแล้ว เขาจึงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยที่อย่างน้อย ๆ มันก็ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่ทุกข์ทน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรปลอบใจหรือออกไปส่งซวนหยวนทั้งนั้น
ทางด้านของซวนหยวน เมื่อพวกเขาออกจากสันเขาทรราช พวกเขาก็ไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปที่สำนักของตนเอง พวกเขาเลือกที่จะมุ่งหน้าไปที่ทะเลชางหมางแทน
ในเวลาเดียวกันที่ด้านหลังของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หมาสีทองก็หอนขึ้นหนึ่งครั้ง จากนั้นมันก็หมอบลงไปนอนเหมือนเดิมพร้อมกับบ่มพึมพำกับตัวเอง “ข้าคงต้องทนรอต่ออีกแล้วสินะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)