ในพริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีก 8 ปี
ในตอนนี้รอบ ๆ คฤหาสน์สราญรมย์นั้นเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากมายทำหน้าที่ยืนคุ้มกันคฤหาสน์สราญรมย์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้บรรดาผู้คนของอาณาจักรจันทราต่างได้รู้ว่าในความเป็นจริงแล้วคนจากโลกภายนอกนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
แน่นอนว่าในบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่คุ้มกันคฤหาสน์สราญรมย์ หนึ่งในนั้นคือ ลั่วหยุน ที่ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาคืนมาอยู่ที่ขอบเขตราชันขั้นต้นแล้ว
อันที่จริงในตอนแรก ลั่วหยุน คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขั้นสูงสุด แต่หลังจากที่ดวงวิญญาณของเขาถูกพรากจากร่างกายที่แท้จริงไปเป็นเวลาเนิ่นนานและเมื่อเขาได้รับเคล็ดการบ่มเพาะใหม่ของหลิงตู้ฉิง เขาจึงจำเป็นต้องเริ่มบ่มเพาะใหม่
นอกเหนือจากลั่วหยุนที่อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว ยังมีเหล่าคนจากอาณาจักรอี้จิ๋น สีเป่ยเซียะ สีจิ้งหมิง และคนจากขุมกำลังอื่น ๆ ก็มารวมตัวอยู่ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ผนึกของทะเลชางหมางหายไป ข่าวของมันก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้บรรดาผู้คนที่คิดว่าในทะเลชางหมางนั้นมีสมบัติต่างก็รีบพุ่งตรงมาที่ทะเลชางหมางทันที ซึ่งอาณาจักรจันทรา ผู้เป็นเจ้าของดินแดนกลับเพิกเฉยต่อเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมด
เหตุผลที่อาณาจักรจันทราเพิกเฉยกับเหตุการณ์เหล่านี้ก็เพราะบรรดาตัวตนระดับสูงและเหล่าแม่ทัพทุกคนของอาณาจักรจันทราต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ในคฤหาสน์สราญรมย์จนหมด
ส่วนบรรดากองทัพทั้งหมดต่างก็ตั้งค่ายล้อมรอบคฤหาสน์สราญรมย์เอาไว้ เนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากเกินไปจนไม่อาจเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ด้วยได้
แต่ถึงแม้ผนึกของทะเลชางหมางจะถูกปลดออกแล้ว แต่ภายในคฤหาสน์สราญรมย์นั้นกลับมีผนึกประหลาดครอบคลุมอยู่ ซึ่งมันส่งผลให้ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวขาเข้าไปอยู่ในอาณาเขตของคฤหาสน์จะถูกลดระดับการบ่มเพาะลงจนกลายเป็นคนธรรมดา
ในตอนแรกที่อาณาจักรอี้จิ๋นมาถึง พวกเขาก็ตั้งใจที่จะทวงถามสัญญาที่หลิงยี่เทียนสัญญาไว้กับพวกเขาว่าจะให้พวกเขาสำรวจทะเลชางหมางในบริเวณที่ตกลงกันไว้ แต่หลิงยี่เทียนกลับไม่สนใจเรื่องราวยิบย่อยพวกนี้แม้แต่น้อย เขาเอ่ยปากบอกให้พวกอาณาจักรอี้จิ๋นออกไปสำรวจตรงไหนก็ได้ตามที่ต้องการ
ส่วนสถานการณ์ด้านในของคฤหาสน์สราญรมย์ในตอนนี้ บรรดาผู้คนต่างก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงราวกับเป็นรูปปั้นทุกวันด้วยแววตากังวล
ในวันนี้ก็เป็นอีกวันที่หลิงยู่ชานค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ วันนี้ข้าจะมาแจ้งข่าวดีให้ท่านได้ฟัง ตอนนี้หมิงจู้ท้องแล้วล่ะท่านพ่อ ท่านกำลังจะได้เป็นปู่คนแล้ว!”
ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ทุก ๆ วันคนในครอบครัวของหลิงตู้ฉิงจะแวะเวียนกันเข้ามาพูดคุยกับเขา ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ตอบอะไรกลับไปเลยพวกเขาก็ไม่สนใจ
ไม่ว่าพวกเขาจะนึกถึงเรื่องอะไรได้ หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่น่าสนใจ พวกเขาจะเดินเข้ามาบอกเล่าให้หลิงตู้ฉิงฟังตลอด แต่สิ่งที่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขามันจะเยอะจนขนาดสามารถเอามาเล่าได้ตลอดได้ยังไง?
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านพ้นไปนานเข้าจนพวกเขาเริ่มหมดเรื่องเล่า พวกเขาจึงใช้วิธีการเล่ากิจวัตรประจำวันที่พวกเขาทำลงไปว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้างซ้ำ ๆ กันทุกวัน
หลิงยู่ชานไม่สนใจว่าคำพูดของเขาเองจะส่งไปถึงหลิงตู้ฉิงหรือไม่ เขายังคงพูดต่อไปอีก “แค่เพียงข่าวหมิงจู้กำลังตั้งท้องรู้ไปถึงหูของทุกคน ทุกคนต่างก็ดีใจกันมากเลยล่ะท่านพ่อ บรรดาพวกสาว ๆ ต่างก็ตื่นเต้นที่ตัวเองจะได้เป็นน้า ส่วนบรรดาลูกชายของท่านต่างก็พากันวางแผนจะพาหลานออกไปท่องโลก โดยเฉพาะน้องหก ขนาดตอนนี้ลูกของข้ายังไม่เกิดเขาก็แต่งตั้งให้ลูกชายของข้าเป็นองค์ชายไปซะแล้ว แถมยังเตรียมที่จะจัดงานฉลองให้กับวันที่ลูกชายของข้าจะเกิดอีกต่างหาก”
“ส่วนหมิงจู้ นางก็เอ่ยขึ้นถึงครูถังเช่นกัน นางพูดว่าถ้าหากครูถังทราบข่าวนี้นางคงจะต้องดีใจมาก ๆ แน่นอน แต่น่าเสียดายที่ครูถังก็จากพวกเราไปนานแล้ว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก”
“อ๋อ ท่านพ่อ หมิงจู้ได้ถามข้าถึงเรื่องชื่อของลูกเช่นกัน นางถามว่าแซ่ของเขาควรจะเป็นแซ่ หลิง หรือ แซ่ เทียน ดี ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดีเหมือนกัน ข้าจึงได้แต่พูดว่าคงต้องรอให้ท่านตื่นขึ้นมาก่อนเพื่อให้ท่านตัดสินใจในเรื่องนี้”
“ข้าเคยบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลเทียน! เจ้าจะไปใช้แซ่ของคนเหล่านั้นได้ยังไง!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาทั้ง ๆ ที่เปลือกตาของเขายังปิดอยู่
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงยู่ชานถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง จากนั้นเมื่อเขาได้สติเขารีบพูดกับหลิงตู้ฉิงทันที “ท่านพ่อ ข้าไม่ใช่คนของตระกูลเทียนงั้นเหรอ?… เอ๊ะ? ท่านพ่อ ท่านพูดงั้นเหรอ? ท่านพ่อ ท่านฟื้นแล้วใช่ไหม ท่านเป็นยังไงบ้าง? เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน ท่านพ่อ? ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไรไหม? ตอนนี้บรรดาท่านแม่กับน้อง ๆ เป็นห่วงท่านจนจะตายกันอยู่แล้วนะท่านพ่อ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)