พอดีกับที่หลิงตู้ฉิงคุยกับโม่หยูถังจบ เหลียนปู้ชิงก็ได้มาถึงคฤหาสน์สราญรมย์
หลังจากที่เขาได้รับข่าวจากจ้าวปาเทียน เขาก็รีบตรงดิ่งมาทันที
เมื่อได้เข้ามาเจอหลิงตู้ฉิง เหลียนปู้ชิงก็เอ่ยถามทันที “คารวะท่านคณะบดี ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้งั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “ข้าจะถ่ายทอดทักษะการสร้างสมบัติระดับสูงให้กับเจ้า เพื่อแลกกับข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง”
เหลียนปู้ชิงแสดงสีหน้าสงสัยและเอ่ยถามกลับ “ไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรงั้นเหรอ? หากข้าสามารถทำให้ท่านได้ ข้าจะทำมันอย่างแน่นอน!”
“ทักษะการสร้างสมบัติที่ข้าจะถ่ายทอดให้กับเจ้านั้นมันคือสุดยอดวิธีการหลอมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่บรรพกาล!” หลิงตู้ฉิงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “หากมีใครรู้ว่าเจ้ารู้วิธีการสร้างนี้ เจ้าจะถูกผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนตามล่าไปจนสุดขอบโลก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของเจ้า หลังจากที่ข้าถ่ายทอดมันให้แล้ว เจ้าควรจะเข้าร่วมกับอาณาจักรจันทราและรับตำแหน่งเป็นขุนนาง มีแต่ยี่เทียนเท่านั้นที่จะสามารถคุ้มครองเจ้าได้จนกว่าเจ้าจะยืนหยัดด้วยตนเองได้”
เหลียนปู้ชิงตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “ท่านคณะบดีหวังดีกับข้าเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าย่อมตกลง!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถ้างั้นก็เยี่ยมมาก เอาล่ะข้าจะถ่ายทอดวิธีการสร้างอาวุธที่มีระดับต่ำกว่าจักรพรรดิทั้งหมดให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ทำการถ่ายทอดวิธีการสร้างอาวุธให้กับเหลียนปู้ชิงทันที แต่ด้วยเนื้อหาที่มีจำนวนเยอะมหาศาล มันจึงทำให้เหลียนปู้ชิงถึงกับล้มลงนอนเข้าสู่สภาวะหลับลึก
โม่หยูถังที่เห็นภาพเช่นนี้ก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึงและถามขึ้น “นายท่าน ทักษะการสร้างสมบัติที่ท่านถ่ายทอดไปมันเป็นของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม? ท่านไปเรียนรู้มันมาได้ยังไงกัน?”
เนื่องจากเขาเป็นคนของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามีแต่ทักษะการสร้างสมบัติของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถจะทำให้ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะไม่สูงสามารถสร้างสมบัติระดับจักรพรรดิได้
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ หลิงตู้ฉิงไปรู้ทักษะที่สูญหายนี้มาจากที่ไหน?
หลิงตู้ฉิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และพูดขึ้นว่า “เพราะว่าข้าเองนี่แหละที่เป็นคนทำลายตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์และขโมยมันมา!”
“ตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายโดยท่านงั้นเหรอ?” โม่หยูถังถามขึ้นทวน จากนั้นเมื่อเขานึกอะไรขึ้นได้ จู่ ๆ ขาของเขาก็ขยับก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว 2-3 ก้าวด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขามองหน้าหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยอาการตัวสั่น “มันคือท่าน! ท่านคือตัวตนผู้นั้น! ท่านคือตัวตนต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเมื่อหลายหมื่นปีก่อน!”
“ชู่ววว อย่าเสียงดังไปสิ!” หลิงตู้ฉิงล้อเลียน “พูดเสียงดังแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้กันหมดหรอก ข้ายังไม่อยากให้คนอื่น ๆ รู้ในตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา แถมพวกเขาอาจจะกลัวข้าจนเข้าหน้าข้าไม่ติด!”
ถึงแม้ความจริงแล้วหลิงตู้ฉิงจะพูดล้อเล่น แต่โม่หยูถังกลับไม่คิดว่าคำพูดนี้มันคือการล้อเล่นแม้แต่น้อย
หลิงตู้ฉิงมองไปที่โม่หยูถังที่ยังไม่หายจากอาการตื่นกลัว เขายิ้มและถามขึ้นว่า “ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”
โม่หยูถังไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง เขาได้แต่คิดในใจ ‘น่ากลัวแค่ไหนท่านก็ควรไปถามพวกดวงวิญญาณของบรรดาสำนัก อาณาจักร หรือไม่ก็พวกเจ้าของกองกระดูกที่อยู่ในแดนกระดูกขาวที่ท่านสังหารไปทั้งหมดสิ ไอ้ดวงวิญญาณพวกนั้นมันคงจะให้คำตอบท่านได้ดีที่สุด!’
“พ่อบ้านโม่ ข้ามีอาวุธระดับจักรพรรดิอยู่กับตัวหลายอัน ข้าจะมอบมันให้เจ้าไว้ใช้สักอันหนึ่ง” เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็โยนอาวุธระดับจักรพรรดิให้กับโม่หยูถัง จากนั้นเขาพูดขึ้นต่อว่า “อันที่จริงข้าเองก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัวด้วยเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าในตอนนี้ข้ายังจำเป็นต้องใช้งานมันอยู่ไว้อนาคตข้าค่อยให้เจ้าก็แล้วกัน”
โม่หยูถังเผยรอยยิ้มขมขื่นและพูดว่า “นายท่าน แค่อาวุธระดับจักรพรรดิข้าก็ไม่สามารถสำแดงอำนาจของมันได้อย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้นสำหรับข้าแค่นี้มันก็มากเกินพอ แต่ว่า…”
“หากเจ้ามีคำถามอะไรอีกก็จงถามมาได้เลย” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ไม่สนใจเหลียนปู้ชิงและโม่หยูถังที่กำลังทำความเข้าใจทักษะที่เขาเพิ่งถ่ายทอดให้ไป เขาหันไปหลอมโอสถและสร้างอุปกรณ์สำหรับใช้จัดตั้งค่ายกลป้องกันแทน
แน่นอนว่าเหล่าโอสถนั้นมีไว้สำหรับคนในครอบครัวของเขา ส่วนอุปกรณ์สำหรับใช้จัดตั้งค่ายกลป้องกันนั้นมีไว้สำหรับเอาไปติดตั้งที่สถาบันจันทรา
หากสถาบันจันทราไม่เผชิญกับหายนะใด ๆ ที่มีอำนาจเหนือกว่าพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นแกนกลางของค่ายกลป้องกัน มันก็จะสามารถอยู่รอดได้อย่างไม่มีปัญหา
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังยุ่งอยู่กับธุระของเขาเองอยู่นั้น เทียนซ่งหยูก็ได้เจอและคุยกับหลิงยู่ชานจนเรียบร้อย และในตอนนี้ก็กำลังจะเตรียมตัวกลับ
ก่อนที่จะกลับ เทียนหลีก็ได้มาขอเข้าพบกับหลิงตู้ฉิงอีกครั้งและพูดว่า “คุณชายหลิง โปรดแจ้งกับลูกชายของท่านทีว่าเขาสามารถไปยึดครองอาณาจักรเลือดทระนงได้เลย ข้าสั่งให้คนของข้าทางนั้นเตรียมตัวย้ายออกกันแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็แจ้งเรื่องไปให้กับหลิงยี่เทียนจัดการต่อทันที
แต่ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ออกไปไหน พวกเขาก็ถูกหยุดเอาไว้
คนกลุ่มหนึ่งที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวได้มาถึงด้านนอกของคฤหาสน์สราญรมย์และตะโกนขึ้น “พวกข้าคือคนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทราจงออกมาคุยกับพวกเราเดี๋ยวนี้!”
หลิงยี่เทียนที่กำลังจะออกไปด้านนอกพอดี เมื่อได้ยินเช่นนี้เจาจึงตอบกลับทันที “ข้าคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทรา พวกเจ้าต้องการอะไร?”
“ในตอนนี้ผนึกของทะเลชางหมางได้ถูกเปิดออกแล้วและข้าได้ยินว่าในทะเลชางหมางนั้นมีสมบัติอยู่มากมาย ซึ่งอาณาจักรของเจ้าได้ค้นพบและเก็บรวบรวมพวกมันไปจนหมด ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้นไม่อยากจะเบียดเบียนให้เจ้าลำบากใจมากนัก หากแบ่งมันให้กับพวกข้าครึ่งหนึ่ง พวกข้าจะยอมจากไปแต่โดยดี!” ใครบางคนในกลุ่มของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ตะโกนขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)