เสียงตะโกนร้องของเฟิงจิงเทียนดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ที่อยู่รอบ ๆ ทันที
“ไหนราชันสงครามอยู่ที่ไหน?” ใครบางคนที่อยู่แถวนั้นตะโกนถามขึ้นทันที
จากนั้นเมื่อผู้คนแถวนั้นเห็นใบหน้าของหลิงไช่หยุน และกลุ่มของหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ตะโกนกันทันที “รายงานให้บรรพบุรุษทราบเร็วเข้า ราชันสงครามอยู่ที่นี่!”
แค่เพียงเสียงตะโกนที่ดังขึ้นสิ้นสุดลง บรรดาตัวตนระดับสูงของภูเขาฟีนิกซ์ก็ปรากฏกายล้อมกลุ่มของหลิงตู้ฉิง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ต่างตามหาตัวกลุ่มของหลิงตู้ฉิงกันอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่พบร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าแท้จริงแล้วราชัยสงครามจะสามารถลอบเข้ามาถึงหน้าประตูบ้านของพวกเขาได้แบบนี้
ในตอนนี้บรรดาตัวตนระดับสูงของภูเขาฟีนิกซ์ได้ล้อมกลุ่มของหลิงตู้ฉิงเอาไว้หมดแล้ว แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
นี่เป็นเพราะสถานะของราชันสงครามนั้นสูงส่งกว่าพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวว่าราชันสงครามจะหลุดพ้นวงล้อมของพวกเขาไปได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ
บรรดาผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ยืนล้อมกรอบกลุ่มของหลิงตู้ฉิงไปได้พักใหญ่ จากนั้นในที่สุดก็มีหญิงชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนและถามว่า “หญิงชราผู้นี้มีนามว่า ขนฟินิกซ์ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า เจ้าคือราชันสงครามจริงงั้นเหรอ?”
หลิงไช่หยุนมองไปที่หลิงตู้ฉิง เพราะนางไม่รู้ว่าจะตอบหญิงชราผู้นี้ว่าอย่างไร
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ลูกพ่อเจ้าไม่ต้องกังวล แสดงเพลิงของเจ้าให้ทุกคนที่นี่เห็นได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงไช่หยุนจึงแสดงพลังเพลิงของสายเลือดนางให้เห็นทันที
“พลั่ก พลั่ก พลั่ก!” เสียงคุกเข่าจากบรรดาผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
บรรดาผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตราชันต่างขาอ่อนคุกเข่าลงไปกับพื้นหมดทุกคน มีแต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงกว่าขอบเขตราชันเท่านั้นที่สามารถใช้อำนาจของเจตจำนงของตนเองต้านทานแรงกดดันอำนาจสายเลือดอันสูงส่งของหลิงไช่หยุนได้
ขนฟีนิกซ์รู้สึกตกตะลึงกับสายเลือดอันสูงส่งของหลิงไช่หยุน แต่เมื่อนางจ้องมองอยู่ได้สักพัก นางก็ส่ายหัวและพูดว่า “เด็กน้อย ถึงแม้ว่าสายเลือดของเจ้าจะสูงส่งมากก็จริง แต่เจ้าไม่ใช่ราชันสงครามแน่นอน ดังนั้นข้าอยากรู้ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่และเจ้ามาที่ภูเขาฟีนิกซ์ของพวกเราทำไม?”
หลิงไช่หยุนยิ้มและตอบกลับ “เมื่อไหร่กันที่ข้าบอกว่าข้าคือราชันสงคราม?”
นอกจากที่นางเรียกตัวเองว่า ‘ราชาผู้นี้’ นางก็ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นราชันสงครามจริง ๆ
เฟิงเจียงที่ในตอนนี้ยืนดูเหตุการณ์อยู่ได้สักพักแล้วตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “ถ้างั้นเจ้าก็จงใจทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นราชันสงครามเพราะการแสดงออกของเจ้า! และอีกอย่างทองคำสีชาดของพวกข้าอยู่ที่ไหน? จงคืนพวกมันมาเดี๋ยวนี้!”
หลิงไช่หยุนเหลืองมองไปที่เฟิงเจียง และพูดขึ้นว่า “เจ้าจะตะโกนเสียงดังทำไมตาแก่? และข้าก็บอกไปแล้วว่าเมื่อไหร่กันที่ข้าบอกว่าข้าเป็นราชันสงคราม?”
“ก็เจ้าเรียกตัวเองว่า ‘ราชาผู้นี้’ แถมเจ้ายังบอกว่าเจ้าจะกลับมาที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อปกครองทุกคน!” เฟิงเจียงตะโกนขึ้นด้วยความหงุดหงิด
หลิงไช่หยุนไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงเมื่อได้ยินแบบนี้ การกระทำของนางทุกอย่างที่ทำลงไปก่อนหน้านั้นมาจากหลิงตู้ฉิงที่คอยส่งบทพูดให้นางทั้งหมด นางมองไปที่พ่อของนางและพูดว่า “เอ่อ…ท่านพ่อ…”
หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ที่อยู่รอบ ๆ และพูดว่า “เหตุผลที่นางเรียกตัวเองว่า ‘ราชาผู้นี้’ ก็เพราะในอนาคตนางจะเป็นผู้นำของพวกเจ้าทั้งหมด ดังนั้นในเมื่อนางกำลังจะเป็นผู้นำของพวกเจ้า การที่นางเรียกตัวเองว่า ‘ราชาผู้นี้’ มันแปลกตรงไหน?”
คำพูดของหลิงตู้ฉิง ทำให้เหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ตกตะลึงทันที
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
ภูเขาฟีนิกซ์ของพวกเขาไม่มีผู้นำมานานแล้วกว่าหมื่นปีเพราะไม่มีผู้ใดที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นได้
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน หวงเซียะ จะมีคุณสมบัติเหนือกว่าคนอื่น ๆ ที่เคยมีมาในรอบหมื่นปีแต่ระดับการบ่มเพาะของนางก็ยังคงอ่อนแออยู่ ดังนั้นนางจึงยังคงไม่สามารถทำให้ทุกคนยอมรับในตัวนางได้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่าถ้าให้เวลาหวงเซียะอีกสักพันปี นางก็คงจะได้ขึ้นเป็นผู้นำของภูเขาฟีนิกซ์ได้
แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของอีก 1,000 ปี ในอนาคต…
แต่แล้วในตอนนี้มันกลับมีใครก็ไม่รู้มาบอกว่าเด็กสาวที่มีระดับการบ่มเพาะยังไม่ถึงระดับสวรรค์สามัญด้วยซ้ำจะมาเป็นผู้นำของพวกเขา แบบนี้พวกเขาจะไปยอมรับได้ยังไงกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)