พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 684

สรุปบท บทที่ 684 หลอกล่อก่อนโจมตี: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

สรุปตอน บทที่ 684 หลอกล่อก่อนโจมตี – จากเรื่อง พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet

ตอน บทที่ 684 หลอกล่อก่อนโจมตี ของนิยายActionเรื่องดัง พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บรรดาอสูรจากสันเขาหมื่นอสูรต่างอยู่ในอาการตกตะลึง พวกมันไม่เคยคิดว่าในอาณาจักรจันทราจะมีตัวตนแบบนี้ดำรงอยู่!

แค่คำเดียวเท่านั้น! อสูรแรดทั้งหมด 1,000 ตนหายไปเพราะถูกกินเพียงคำเดียว!

อีกหนึ่งสิ่งที่พวกมันไม่เข้าใจเช่นกันก็คือทำไมบรรดาอสูรแรดถึงไม่ขัดขืนหรือพยายามหนีบ้างเลย?

แต่แล้วเมื่อพวกมันเห็นว่าหลังจากที่เกาหยูกลืนกินอสูรแรดทั้ง 1,000 ตนลงไป จากนั้นเขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้น บรรดาอสูรจากสันเขาหมื่นอสูรก็รู้สึกโล่งอกและคิดในใจ

เจ้าคิดว่าการกินพวกข้ามันง่ายนักเหรอ? เป็นไงล่ะตายแล้วใช่ไหม?

แต่ในระหว่างที่พวกมันกำลังดีใจกันอยู่นั้น พวกมันกลับต้องใจสลายเมื่อได้ยินเสียงของเกาหยูที่พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท ข้ากินเยอะเกินไปจนข้าขยับไม่ไหวแล้ว มาช่วยข้าทีฝ่าบาท!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงยี่เทียนก็ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นเขาสั่งผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ไปเอาตัวเขากลับมา!”

โชคยังดีที่เกาหยูเองก็ยังต้องใช้เวลาเผาผลาญเหมือนกันหลังจากที่เขากินอะไรเข้าไป ไม่เช่นนั้นหลิงยี่เทียนก็คงไม่มีทางเลี้ยงปีศาจนักกินตนนี้ไหวแน่นอน

ผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามรีบนำตัวเกาหยูกลับมาทันทีตามที่หลิงยี่เทียนสั่ง ถึงแม้ว่าไอ้ปีศาจนักกินตนนี้มันจะน่ากลัวก็จริง แต่ถ้าเป็นกับพวกเดียวกันเองเกาหยูไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยแม้แต่น้อย มันจะมีก็แต่เหล่าศัตรูเท่านั้นที่ต้องกลัว

เมื่อเกาหยูถูกพาตัวกลับมา เขานอนราบไปกับพื้นตรงหน้าหลิงยี่เทียน และพูดว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้ข้าทำอะไรต่ออีกไม่ไหวแล้ว หลังจากนี้ท่านก็ให้คนอื่นออกไปสู้บ้างก็แล้วกัน ข้าขอตัวนอนก่อนล่ะฝ่าบาท!”

หลิงยี่เทียนพยักหน้า “อืม นอนซะ!”

หลิงยี่เทียนชินแล้วกับพฤติกรรมที่กินเสร็จแล้วนอนเลยของเกาหยู ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมาก

ในเวลานี้โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งหรี่ตามองไปที่หลิงยี่เทียน และพูดว่า “ฝ่าบาทนี่ช่างโชคดีจริง ๆ เลยนะที่มีอสูรกลืนสวรรค์อยู่ในอาณาจักร มิน่าล่ะอาณาจักรของท่านถึงได้โด่งดังไปทั่วในเวลาเพียงไม่นาน”

หลิงยี่เทียนยิ้มและตอบกลับ “ในฐานะที่ข้าเป็นจักรพรรดิ ข้าก็ต้องพยายามตามหาผู้ที่มีความสามารถมาเข้าร่วมกับข้าจากทั่วทุกสารทิศนั่นล่ะ”

โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดขึ้นต่อ “ถ้างั้นฝ่าบาทยี่เทียนรู้รึเปล่าว่าเมื่ออสูรกลืนสวรรค์มันหิวเมื่อไหร่ มันจะกินทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบกาย ในตอนนี้มันคงยังไม่เป็นอะไรเนื่องจากมันยังอ่อนแออยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มันโตขึ้นจนแข็งแกร่งแล้วล่ะก็ เมื่อมันหิวมันอาจจะกินพวกท่านก็ได้นะ”

“วิธีสกปรกที่เจ้ากำลังพยายามทำให้ทหารฝั่งของข้าขวัญเสียแบบนี้มันไม่ได้ผลหรอก คนของข้าทุกคนต่างรู้ดีว่าถึงแม้เกาหยูจะหิวสักเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีวันกินพวกเดียวกันเองแน่นอน” หลิงยี่เทียนเย้ยหยัน “เขามีแต่จะทำตามที่ข้าสั่งและกินแต่เฉพาะศัตรูของข้าเท่านั้น เหมือนแบบที่อสูรแรดของเจ้าถูกกินยังไงล่ะ”

โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพยายามที่จะบ่อนทำลายขวัญกำลังใจของเหล่าทหารของ หลิงยี่เทียน ส่วนหลิงยี่เทียนก็พยายามยกเอาข้อเท็จจริงของเกาหยูมาทำให้คนของเขาไม่วอกแวก ไม่เช่นนั้นขวัญกำลังใจเมื่อสักครู่ที่เกาหยูอุตส่าห์สร้างให้มันจะพังทลายลงในทันที

และแน่นอนว่าหลิงยี่เทียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรผิด เกาหยูนั้นไม่ใช่อสูรกลืนสวรรค์อยู่แล้ว เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ฝึกวิชาปีศาจศักดิ์สิทธิ์กลืนสวรรค์

แต่มันก็ใช่ว่าคำพูดของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจะไม่มีผลอะไรเลย บรรดาผู้คนของอาณาจันทราเมื่อได้ยินแบบนั้นในตอนแรกพวกเขาก็รู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน แต่พอพวกเขาได้ยินเหตุผลที่หลิงยี่เทียนแย้งไปพวกเขาก็นึกขึ้นได้ถึงภาพที่เวลาเกาหยูหิว เขาจะชอบไปเกาะแข้งเกาะขาหลิงยี่เทียนเพื่อขออาหาร ซึ่งท่าทีแบบนี้มันเหมือนคนที่จะกินพวกเดียวกันเองได้ตรงไหน?

ดังนั้นไม่ว่าเกาหยูจะน่ากลัวสักแค่ไหน ตราบใดที่พวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับเกาหยู พวกเขาก็ไม่ต้องหวั่นกลัวอะไร มันมีแต่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้นที่ต้องกลัวไม่ใช่พวกเขา!

ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ในตอนนี้เหล่าอสูรทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก

ในความเป็นจริงตอนนี้เกาหยูไม่อาจกินอะไรเข้าไปเพิ่มได้อีกแล้ว

เมื่อโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเห็นภาพเช่นนี้ เขาก็เดือดดาลเป็นอย่างมาก

อสูรกลืนสวรรค์มันกินมากเข้าไปถึงขนาดนั้นแล้วต่อให้มันไม่หลับแต่มันก็ไม่อาจกินได้ต่ออยู่ดี ทำไมไอ้พวกโง่เง่าพวกนี้ถึงได้หวาดกลัวซะจนเหมือนพวกมันไม่มีสมองได้ขนาดนี้?

ทางด้านของหลิงยี่เทียนที่ใช้เกาหยูมาขู่พวกอสูรได้สำเร็จ เขาก็รีบหันไปหาลั่วหาวทันที “ลงมือเลย!”

เมื่อได้รับคำสั่ง ลั่วหาวก็รีบหยิบรูปวาดของเขาออกมาจากแหวนมิติและเปิดพวกมันใช้เรื่อย ๆ ทีละอัน ๆ ส่งผลให้กลางสนามรบเกิดปรากฏการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นมากมายแบ่งแยกทั้งสองกองทัพออกจากกัน

ภูเขาลูกแล้วลูกเล่า แม่น้ำ ลาวา เพลิงปฐพี…ปรากฏการณ์แปลก ๆ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นที่กลางสนามรบ!

ในเวลาเดียวกัน จูเหยียนหยิบม้วนผ้าหลายอันออกมาออกมาจากแหวนมิติของนาง ซึ่งในม้วนผ้าเหล่านั้นได้ปักลายค่ายกลสังหารต่าง ๆ เอาไว้แตกต่างกันมากมาย จากนั้นนางก็โยนม้วนผ้าเหล่านั้นไปยังจุดที่กองทัพอสูรหยุดอยู่

หลังจากนั้นชั่วครู่เดียว หลูหลิงก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยหมอกพิษไปยังเหล่าอสูรที่กำลังวุ่นวายกับค่ายกลสังหารที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นกลางวงของพวกมัน

วิธีการสังหารนี้ที่ลั่วหาว จูเหยียนและหลูหลิง ประสานงานกันใช้ออกไปนั้นเป็นวิธีการที่พวกเขาหมั่นฝึกซ้อมอยู่บ่อย ๆ เพื่อเอาไว้ใช้รับมือกับกองทหารที่เกาะกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก

ทางด้านของหลิงยี่เทียนเองก็หวังว่าทั้งสามจะสามารถสังหารเหล่าอสูรให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้พวกมันอ่อนแอลงสักหน่อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)