โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งไม่คาดคิดเช่นกันว่าหลิงยี่เทียนจะยอมตกลงง่ายแบบนี้
“หากพวกอาณาจักรจันทราให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิร่วมรบด้วย บางทีพวกมันคงสามารถต่อต้านพวกเราได้แต่ตอนนี้….” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดกับพรรคพวกของเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ในเมื่อทุกอย่างเข้าทางเราหมดแล้ว ถ้างั้นทุกคนจงเตรียมตัวเริ่มการโจมตี!”
อสูรจิ้งจอกอาวุโสเสนอแนะทางโทรจิต “นายน้อย ข้าคิดว่าพวกเราต้องทดสอบพวกมันก่อน!”
อสูรจิ้งจอกไม่ลืมที่จะย้ำเตือนว่าเป้าหมายของการรบครั้งนี้มันคือการที่พวกเขาอยากจะเห็นไพ่ลับทั้งหมดของอาณาจักรจันทรา
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพยักหน้ากับตัวเอง จากนั้นเขาหันไปสั่งอสูรแรดอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ เขาและสั่งว่า “ข้ามอบโอกาสให้เผ่าของเจ้าเป็นผู้โจมตีเป็นอันดับแรก!”
ในเมื่อต้องการจะหยั่งเชิงฝั่งตรงข้าม โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจึงตัดสินใจใช้เผ่าอสูรแรดเป็นพวกแรกที่เข้าโจมตี เนื่องจากอสูรแรดนั้นมีจุดเด่นในด้านการป้องกัน ทั้งผิวหนังและกล้ามเนื้อของบรรดาอสูรแรดนั้นหนาเป็นอย่างมาก และที่นอกเหนือจากนั้นบรรดาอสูรแรดทุกตนจะได้รับการฝึกฝนใช้พลังธาตุดินตั้งแต่เกิด เพื่อเสริมการป้องกันของตัวมันเองเข้าไปอีก
พวกมันจะใช้พลังธาตุดินสร้างม่านป้องกันเคลือบผิวหนังของมันอีกทบหนึ่ง ซึ่งการที่จะทำลายม่านป้องกันนี้หากเป็นผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์ปกติจะต้องมีระดับการบ่มเพาะมากกว่าพวกมัน 1 ระดับเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถทะลวงผ่านม่านป้องกันไปถึงชั้นผิวหนังของพวกมันได้
เมื่อได้ยินคำสั่งของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง อสูรแรดอาวุโสหัวเราะและพูดว่า “ตราบใดที่พวกมนุษย์ไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของพวกมันลงมารบ มันก็ไม่ยากที่เผ่าอสูรแรดของข้าจะกระทืบทหารระดับล่างของพวกมันให้ตายคาเท้า ไป ลูกหลานของข้า ไปเหยียบพวกมันให้จมดินเพื่อให้เป็นเกียรติแก่นายน้อยของพวกเรา!”
ทันทีที่อสูรแรดอาวุโสพูดจบ อสูรแรด 1,000 ตนก็พากันกระทืบเท้าเดินหน้าเข้าสู่สนามรบ ส่งผลให้พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว
ในขณะเดียวกับที่โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจัดทัพ หลิงยี่เทียนก็เดินกลับไปแนวหลังกองทัพของเขาและพูดกับบรรดาคนของเขาว่า “ศึกครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปรบด้วย ดังนั้นพวกเราจะต้องชนะศึกครั้งนี้ให้ได้ด้วยตัวเองโดยที่พวกเราจะต้องจำกัดความเสียหายของฝั่งเราเองให้น้อยที่สุด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่พวกเราสร้างมาทั้งหมดมันจะจบลงที่วันนี้”
ถึงแม้พวกเผ่าอสูรจะพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้ เผ่าของพวกมันก็ยังคงอยู่รอดต่อไปได้เพราะจำนวนที่พวกมันพากันมาบุกในรอบนี้มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกองกำลังพวกมันเท่านั้น
แต่ถ้าหากอาณาจักรอาณาจักรพ่ายแพ้ในวันนี้ พวกเขาจะไม่เหลือทางให้ถอยอีกแล้ว
ดังนั้นต่อให้หลิงยี่เทียนไม่ย้ำเตือนพวกเขา พวกเขาก็คิดอยู่ในใจแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงวันนี้พวกเขาจะขอสู้จนตัวตาย
แต่เมื่อพวกเขาเห็นภาพของอสูรแรดตัวโต 1,000 ตนวิ่งออกมาจากแนวหน้าของกองทัพอสูร บรรดาผู้คนของอาณาจักรจันทราก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
พวกเขาจะใช้แผนไหนดีในการหยุดอสูรแรดเหล่านั้นที่มีอำนาจการบุกตะลุยมหาศาล?
หากเป็นกองทหารธรรมดาย่อมไม่สามารถหยุดอำนาจการบุกตะลุยอันบ้าคลั่งของพวกมันได้แน่นอน ต่อให้จะใช้ค่ายกลรบมันก็คงไร้ประโยชน์! แล้วแบบนี้พวกเขาจะใช้แผนไหนดีในการรับมือกับพวกมัน?
ทางด้านของเย่จางเฟิง เมื่อเขาเห็นว่าอสูรแรดเป็นพวกแรกที่ดาหน้าออกมา เขาจึงบอกข้อมูลจุดเด่นจุดด้อยของพวกอสูรแรดทันทีให้กับหลิงยี่เทียน เพื่อให้หลิงยี่เทียนได้นำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจว่าจะรับมือกับอสูรแรดเหล่านี้ยังไง
ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาหาหลิงยี่เทียน และพูดว่า “ฝ่าบาท ข้าขออาสานำทัพ 100,000 นายไปรับมือกับบรรดาอสูรแรดเหล่านี้เอง ข้าคิดว่าข้าสามารถหยุดพวกมันได้!”
หลิงยี่เทียนมองไปที่อสูรแรด 1,000 ตน จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมพูดว่า “พวกมันก็แค่แรด 1,000 ตัว มันไม่จำเป็นถึงขนาดที่พวกเราจะต้องส่งทหาร 100,000 นายไปรับมือหรอก พวกเจ้าจำได้ไหมว่าพวกอสูรมันเคยพูดเอาไว้ว่าพวกมันชอบกินมนุษย์? เดี๋ยวพวกเจ้าคอยดูวันนี้ ข้าจะให้ไอ้พวกอสูรมันได้พบกับมนุษย์ที่เป็นเจ้าแห่งการกินอสูร! เกาหยู ศึกแรกนี้ข้าให้เจ้าจัดการ!”
เกาหยูเลียริมฝีปากทันที “องค์ฝ่าบาทช่างรู้ใจข้าจริง ๆ แค่ข้าเห็นร่างอ้วน ๆ ของพวกมันข้าก็น้ำลายสอแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)