เป็นอีกครั้งที่หลิงตู้ฉิงเคลื่อนย้ายเข้าประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ส่งผลให้บรรดาศิษย์ที่เฝ้าประตูต่างรู้สึกขนหัวลุกกันอีกรอบ เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่ารอบนี้เป็นผู้ใดที่มาเยือนสำนักอีก
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขาปรากฏกายออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย ซ่งเฉียน ผู้ซึ่งรับหน้าที่ดูแลประตูเคลื่อนย้ายก็ทักขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “น้องหลิง เป็นเจ้าเองหรอกเหรอ?”
รอบที่แล้วหลิงตู้ฉิงก็ทะลวงประตูเคลื่อนย้ายเข้ามาแบบไม่บอกกล่าว รอบนี้เขาก็ทำแบบเดิมเหมือนกับรอบที่แล้ว?
“รอบนี้ที่ข้ามาเพราะข้าต้องการมาจัดการเรื่องที่สำคัญมากในสำนักของเจ้า” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “หืม? นี่เจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแล้วงั้นเหรอ? เอาล่ะถ้างั้นข้าจะมอบโอสถสงบวิญญาณให้กับเจ้าสักเม็ดก็แล้วกัน”
ซ่งเฉียนรีบรับโอสถสงบวิญญาณมาในทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นเมื่อเขากวาดสายตามองกลุ่มคนที่หลิงตู้ฉิงพามาทุกคน เขาก็ถามขึ้นว่า “เอ๋? นี่ศิษย์น้องไม่ได้มากับเจ้าด้วยเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อันที่จริงตอนแรกข้าไม่ได้วางแผนจะมาที่นี่ แต่บังเอิญว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งมันทำให้ข้าจำเป็นต้องมาที่นี่อย่างกะทันหัน”
ซ่งเฉียนถอนหายใจ “ข้าล่ะไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าการที่เจ้ามาที่นี่ตอนนี้มันจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ตอนนี้บรรยากาศในสำนักของข้าค่อนข้างจะไม่สงบสักเท่าไหร่ซะด้วย”
“หืม?” หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้น
ซ่งเฉียนยิ้มอย่างขมขื่น “เอาเป็นว่าเดี๋ยวเจ้าค่อยถามเรื่องราวทั้งหมดกับอาจารย์ของข้าก็แล้วกัน รอสักครู่ ข้าขอส่งข่าวไปบอกกับเขาก่อน เขาจะได้มารับเจ้าที่นี่”.Aileen-novel
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์กัน?
หลังจากซ่งเฉียนส่งข้อความไปได้ไม่นาน มู่หลงหยานก็มาในทันที
“ตู้ฉิง ชิงเฉิงไม่ได้มากับเจ้าด้วยงั้นเหรอ?” มู่หลงหยานถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะมาที่นี่ข้าเลยไม่ได้พาชิงเฉิงมาด้วย ตอนนี้นางจึงกำลังเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ที่ทะเลชางหมาง ว่าแต่ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้สำนักกำลังมีปัญหามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
มู่หลงหยานยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะสมบัติต่าง ๆ ที่เจียงไห่ให้พวกเรามานั่นล่ะ เนื่องจากครอบครัวของข้าเป็นผู้ที่ได้รับสมบัติมามากที่สุด มันจึงเป็นบ่อเกิดทำให้บรรดาคนของตระกูลอื่น ๆ คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับพวกเขา รวมไปถึงบรรดาสหายสนิทของเจียงไห่ก็ด้วยที่พวกเขาได้รับสมบัติมามากกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายสมบัติที่พวกเขาได้รับมาเกือบทั้งหมดก็ถูกผู้อื่นกดดันเอาไปจนเกือบหมด ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกหากจะเป็นการมอบให้สำนัก แต่สิ่งที่พวกเขากังวลก็คือ พวกเขาไม่แน่ใจว่าสมบัติต่าง ๆ จะแบ่งกันไปได้อย่างเท่าเทียมรึเปล่า”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงล่ะว่าไม่ช้าก็เร็วสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะต้องเกิดปัญหา อันที่จริงข้าบอกกับเจ้าไปด้วยไม่ใช่เหรอว่าให้เจ้าใช้ชื่อเสียงของลูกชายเจ้าในการจัดการปัญหาทั้งหมด? ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งลูกของเจ้าจะยังไม่ฟื้นกลับมาทั้งหมด แต่ในตอนนี้เขาก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากต้องสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ”
ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเย่เจียงไห่จะยังไม่ฟื้นฟูถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิ แต่ด้วยความเข้าใจในพลังของกฎต่าง ๆ และบวกกับประสบการณ์เมื่อล้านปีก่อน เขาก็ยังคงมีความได้เปรียบเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิทั่ว ๆ ไปอยู่ดี
มู่หลงหยานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เจียงไห่เองก็มีปัญหาที่เขาต้องจัดการเหมือนกัน มันมีข่าวลือมาว่าหลังจากที่พวกเราจากมา พวกเผ่าอสูรก็ไปตามไปราวีเขาอีกรอบ ซึ่งเมื่อข้ารู้แบบนี้ข้าก็เลยไม่อยากจะเอาเรื่องของข้าไปให้เขาปวดหัวเพิ่มอีก และจากที่ข้าเดา คนอื่น ๆ ของสำนักก็คงรู้เรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาก็เลยเริ่มที่จะแสดงท่าทีไม่เกรงใจพวกข้ามากยิ่งขึ้นไปอีก”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อืม ถ้างั้นก็ช่างเถอะ ในเมื่อตอนนี้ข้ามาที่นี่แล้วเดี๋ยวข้าจะจัดการปัญหาเหล่านี้ให้กับเจ้าเองก็แล้วกัน”
มู่หลงหยานหัวเราะ “ด้วยความสัมพันธ์ของเจ้าที่มีต่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังสำนัก ข้าคิดว่ามันคงจะต้องทำให้ใครหลายคนในสำนักยอมถอยให้กับพวกเราแน่นอน! อันที่จริงก่อนหน้านี้จู่ ๆ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังสำนักก็เริ่มเคลื่อนไหวปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมารุนแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้ทุกคนในสำนักต่างหวาดกลัวกันจนแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว แต่ยังโชคดีที่เมื่อผ่านไปสักพักมันก็สงบลง ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)