พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 713

สรุปบท บทที่ 713 หากข้าจะฆ่าใครก็ห้ามข้าไม่ได้!: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

สรุปเนื้อหา บทที่ 713 หากข้าจะฆ่าใครก็ห้ามข้าไม่ได้! – พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet

บท บทที่ 713 หากข้าจะฆ่าใครก็ห้ามข้าไม่ได้! ของ พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“แสดงมันออกมา!” เย่ชางคงตะคอกขึ้นด้วยความเดือดดาลปนสงสัย

เมื่อพูดจบ เย่ชางคงเหลือบมองไปที่หยูหงเว่ยด้วยสายตาจับผิด และเริ่มที่จะระวังตัวต่อทุกคนของตระกูลหยู เนื่องจากกู่ตงฉิงคือผู้เชี่ยวชาญที่ตระกูลหยูเชิญมาให้เข้าร่วมกับพวกเขา

ในทางกลับกัน ทางด้านของหยูหงเว่ยเองก็แสดงสีหน้ามืดหม่น เนื่องจากเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากู่ตงฉิงมีเหตุผลอะไรถึงได้กล้าทำอะไรอุกอาจแบบนี้

ต้องรู้ว่าแม้แต่ตัวของหยูหงเว่ยเองก็ไม่กล้าที่จะฆ่าหลิงตู้ฉิงด้วยซ้ำ เพราะเขากลัวว่าเมื่อไหร่ที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์กลับมา และรู้ว่าหลิงตู้ฉิงตายไปแล้ว หายนะจะต้องบังเกิดขึ้นกับตระกูลของเขาแน่นอน

ภายใต้การจับจ้องของเหล่าผู้คน กู่ตงฉิงค่อย ๆ หยิบเหรียญตราเหรียญหนึ่งขึ้นมาแสดงให้กับทุกคนได้เห็น

มันเป็นเหรียญตราที่มีขนาดเท่าฝ่ามือและมีสีดำสนิท แถมยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารและที่ด้านหน้าของเหรียญมีตัวอักษรที่แกะสลักไว้คำว่า ‘ฆ่า!’

“ตำหนักดับเซียน!?” เย่ชางคงตะโกนเสียงหลง “นี่เจ้าเป็นคนของตำหนักดับเซียนงั้นเหรอ?”

เมื่อพูดจบ เย่ชางคงหันขวับไปจ้องเขม็งที่หยูหงเว่ยทันที

หยูหงเว่ยแสดงสีหน้าตื่นตะลึง จากนั้นเขารีบตอบกลับทันที “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นคนของตำหนักดับเซียน!”

ถึงแม้ว่าตัวตนของสมาชิกตำหนักดับเซียนจะเป็นที่น่าเกรงขาม แต่ไม่ว่าผู้ใดที่มีความสัมพันธ์กับตัวตนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีจุดจบที่ไม่ดีทั้งนั้น ดังนั้นหยูหงเว่ยจึงตัดขาดความสัมพันธ์กับกู่ตงฉิงทันที

ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ กู่ตงฉิงก็พูดขึ้นว่า “เป้าหมายของข้ามีเพียงอย่างเดียวคือฆ่าเขาเท่านั้น ข้าไม่ได้มีขัดแย้งอะไรกับพวกเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์! หากพวกเจ้าคิดจะฆ่าข้าก็จงไตร่ตรองกันให้ดี ๆ พวกเจ้าควรจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ข้าตายด้วยน้ำมือพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องเผชิญกับการแก้แค้นของของตำหนักดับเซียนแน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชางคงและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกเดือดดาล และขัดแย้งในเวลาเดียวกัน

ตำหนักดับเซียนเป็นเหมือนเห็บหมัดที่คอยสร้างความรำคาญให้กับทุกสำนักมาโดยตลอด ซึ่งถ้าเป็นไปได้มันก็ไม่มีใครอยากจะขัดแย้งกับองค์กรสังหารนี้ที่ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมีสมาชิกกี่คน และที่ตั้งองค์กรของพวกมันอยู่ที่ไหน

ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดาของสมาชิกตำหนักดับเซียน แถมพวกมันยังเก่งในการลอบสังหาร ดังนั้นหากสำนักไหนเป็นศัตรูกับพวกมัน สำนักเหล่านั้นก็จะต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลาไม่เป็นอันได้อยู่อย่างสงบสุข โดยเฉพาะตัวตนระดับสูงของตำหนักดับเซียนที่ถูกเรียกว่า ‘เทพแห่งความตาย’ ซึ่งมีถึง 10 คน และแต่ละคนยังเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิทุกคน

เอาแค่การรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิแบบซึ่ง ๆ หน้าก็ลำบากอยู่แล้ว แต่นี่กลับต้องเป็นการรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิที่คอยแต่จ้องจะลอบสังหารแต่ในที่ลับอย่างเดียว มันจึงยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีสำนักไหนอยากจะเผชิญสักเท่าไหร่หากไม่ถึงที่สุดจริง ๆ

แต่ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขาถึงที่สุดแล้วรึยัง? พวกเขาควรจะสำเร็จโทษที่กู่ตงฉิงกล้าสังหารคนกลางสำนักของพวกเขาแบบนี้เลยดีไหม?

แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี หยูปิงก็ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ปล่อยเขาไป! ข้าไม่อยากจะคอยระวังหลังของข้าไปตลอดชีวิตนะ!”

ในใจของเย่ชางคงตอนนี้ก็ยังคงสองจิตสองใจ ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากที่จะมีปัญหากับตำหนักดับเซียน แต่อีกใจหนึ่งในฐานะที่สำนักของเขาก็เป็นสำนักมหาอำนาจ หากเขาปล่อยให้คนของตำหนักดับเซียนมาสังหารคนในสำนักของเขาแบบนี้โดยที่เขาไม่ทำอะไรเลยเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ได้แต่ทอดถอนใจกับความขี้ขลาดของคนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่แสดงท่าทีหวั่นเกรงกับตำหนักดับเซียน

เห็นได้ชัดว่ากู่ตงฉิงเป็นเพียงแค่สมาชิกระดับล่างของตำหนักดับเซียนแท้ ๆ แต่กับอีแค่คำพูดขู่นิด ๆ หน่อย ๆ คนเหล่านี้ที่เป็นถึงคนของสำนักมหาอำนาจกลับกลัวกันจนหงอละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองกันไปจนหมด

คนพวกนี้ลืมกันไปหมดแล้วงั้นเหรอว่ากว่าที่สำนักของพวกเขาจะมายืนอยู่ ณ ตรงจุดนี้ได้บรรพบุรุษของพวกเขาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านเลือด และความตายมามากมายขนาดไหน?

คนพวกนี้มันช่างไม่ต่างอะไรกับคนของภูเขาฟีนิกซ์ที่เขาเพิ่งจัดระเบียบไป ซึ่งชินชากับความสุขสงบจนรักตัวกลัวตายไม่กล้าที่จะเผชิญกับอันตราย

ในขณะที่เย่ชางคงกำลังไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงดี มู่หลงหยานก็โทรจิตไปหาเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สามี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราต้องอยู่ฝั่งเดียวกับลูกเขยของเราเท่านั้น!”

“หลงหยาน แต่ว่าเขาเป็นแค่ลูกเขยเราเท่านั้น!” เย่ชางคงตอบกลับ “ถ้าหากข้าสนับสนุนเขา สถานการณ์ในสำนักจะต้องแย่ลงอย่างแน่นอน และอีกอย่างต่อให้ข้าสนับสนุนเขา คนอื่น ๆ ของสำนักก็คงไม่คล้อยตามด้วยหรอก”

“ช่างหัวคนอื่น ๆ ให้หมด! ไม่ว่าใครจะพูดอะไรว่ายังไงท่านไม่จำเป็นต้องสนใจทั้งนั้น ท่านแค่สนับสนุนเขาเท่านั้นก็พอ!” มู่หลงหยานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ในเวลานี้ท่านจำเป็นต้องเชื่อข้า ข้าเข้าใจว่าท่านไม่อยากจะเชื่อข้าสักเท่าไหร่เพราะว่าท่านไม่เคยเห็นอีกด้านหนึ่งของเขามาก่อน แต่ท่านต้องรู้ไว้ว่าข้าคือคนที่เคยเห็นอีกด้านของเขามาแล้ว และเขาไม่ใช่คนธรรมดาที่ใครจะสามารถต่อกรด้วยได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)