สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน
เมื่อไม่มีการถ่วงอำนาจกันของทั้ง 3 ตระกูล คำสั่งต่าง ๆ ที่เย่ชางคงสั่งลงไปเพื่อให้ทุกคนช่วยกันพัฒนาสำนักให้ดีขึ้นก็ผ่านฉลุยโดยไม่มีใครคัดค้าน
และเมื่อเป็นเช่นนี้ เย่ชางคงและคนอื่น ๆ ที่ได้รับสมบัติจำนวนมหาศาลมาจากเย่เจียงไห่ก็เริ่มแจกจ่ายสมบัติของตัวเองไปให้กับคนอื่น ๆ ในสำนัก
ในอดีตเย่ชางคงไม่มีความคิดที่จะแบ่งสมบัติเหล่านี้ที่เขาเองก็คงใช้มันไม่หมดให้กับคนตระกูลอื่นในสำนักเลย ถึงแม้ว่าเขาจะอยากให้สำนักพัฒนาไปมากกว่านี้ก็ตาม
เนื่องจากเขารู้ว่าต่อให้เขาแบ่งสมบัติเหล่านี้ให้คนตระกูลอื่นในสำนักไป คนเหล่านั้นก็คงไม่สำนึกในบุญคุณของเขาแถมยิ่งเมื่อแข็งแกร่งขึ้น คนเหล่านั้นก็จะหันมาแว้งกัดเขาเองอีกต่างหาก
แต่ตอนนี้สถานการณ์มันได้เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยสัญญากฎสวรรค์ตระกูลหยูจะต้องเชื่อฟังเขาอย่างไม่มีข้อแม้ ส่วนตระกูลหานก็ไม่มีอำนาจพอจะต่อรองอะไรกับเขา ดังนั้นเขาจึงวางใจได้มากพอว่าสมบัติต่าง ๆ ที่เขามอบให้กับคนเหล่านั้นไปมันจะไม่ถูกใช้เพื่อมาทำร้ายเขาทีหลัง
แต่ว่าในระหว่างที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ ในเส้นทางที่เหมาะสม จู่ ๆ คนของตำหนักดับเซียนก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
เหตุผลที่มือสังหารของตำหนักดับเซียนมาเยือนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ไม่มีอะไรมาก เขามายื่นข้อเรียกร้องให้กับเย่ชางคงให้มอบตัวหลิงตู้ฉิงให้กับเขา
ท้ายที่สุดข่าวการตายของหยูปิงและกู่ตงฉิงก็หลุดออกไปจนได้
ซึ่งข่าวที่รั่วไหลออกไปนี้ เย่ชางคงไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหยูห้าวหลงเอาไปบอกกับตำหนักดับเซียนเอง หรือว่าเป็นเพราะในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเขายังคงมีคนของตำหนักดับเซียนอยู่กันแน่
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เย่ชางคงก็ปฏิเสธและไล่มือสังหารของตำหนักดับเซียนให้กลับไปในทันที ซึ่งมือสังหารที่ถูกไล่ไปนั้นก็ได้แต่พูดข่มขู่ทิ้งท้ายเอาไว้ และจากไปอย่างไม่เต็มใจ
จากนั้นเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอีกพักใหญ่จนเข้าถึงปีที่ 47 ที่หลิงตู้ฉิงมาอยู่ในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
“ท่านพ่อ นี่มันก็ใกล้จะครบกำหนดที่น้องห้าสัญญาไว้กับท่านแล้ว ข้าอยากรู้ว่านางจะมาที่นี่ได้สำเร็จทันเวลารึเปล่าจริง ๆ” หลิงเทียนหยุนพูดกับหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ก็ถ้านางมาทันก็โชคดีไป แต่ถ้าหากนางมาไม่ทัน อันนี้นางจะโทษที่พ่อไม่รอก็คงจะไม่ได้ หากครบเวลา 50 ปีเมื่อไหร่ แล้วฟ่างหัวยังไม่มา พวกเราจะออกเดินทางไปจากที่นี่ทันที”
“ว่าแต่ท่านพ่อ สถานที่ต่อไปที่พวกเราจะเดินทางไปกันมันคือที่ไหน?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้น
“สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี!” หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่โม่หยูถัง และพูดขึ้นต่อ “เนื่องจากพ่อบ้านโม่ ชักชวนพ่อมาหลายรอบแล้ว ดังนั้นพ่อจึงตัดสินใจลองเดินทางไปดูสักหน่อย และจากนั้นพวกเราจะเดินทางต่อไปที่เขตแดนอุดรทมิฬ”
โม่หยูถังพูดขึ้นเสริมทันที “นายท่าน หากสำนักของข้าได้พบกับนายน้อยเทียนหยุนเมื่อไหร่ ข้ารับประกันว่านายน้อยจะต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแน่นอน”
“มันอาจจะไม่สวยหรูแบบที่เจ้าคิดก็ได้!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เหตุผลที่เจ้าเห็นความพิเศษในตัวเทียนหยุนเพราะว่าเจ้าใช้เวลาอยู่กับเขามานานเจ้าถึงได้เห็น แต่คนสำนักของเจ้านั้นไม่ใช่ พวกเขาอาจจะไม่เห็นความพิเศษในตัวของเทียนหยุนเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะยังไงไม่ว่าสำนักของเจ้าจะต้อนรับเทียนหยุนหรือไม่ เทียนหยุนจะต้องเดินทางไปที่เขตแดนอุดรทมิฬกับข้าด้วยเช่นกัน เพราะมีแต่ที่นั่นเท่านั้นที่สามารถแก้ปัญหาร่างกายของเขาได้”
โม่หยูถังยิ้มอย่างขมขื่น “เอ่อ…นายท่าน ถ้าหากพวกเราไปถึงสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับไม่เป็นไปตามที่คิด ข้าขอวิงวอนท่านโปรดเมตตาคนของสำนักข้าบ้าง”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ฆ่าคนมั่วซั่วหรอกนะ”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกัน จู่ ๆ ประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกบังคับให้เปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกครั้ง
ซ่งเฉียน ผู้ที่รับหน้าคอยดูแลประตูเคลื่อนย้ายก็แสดงสีหน้าเหนื่อยใจ และตะโกนขึ้นว่า “ทุกคนจงเตรียมพร้อม มีใครบางคนพยายามทะลวงผ่านประตูเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกแล้ว!”
ซ่งเฉียนรู้สึกจนใจจริง ๆ เนื่องจากตั้งแต่ที่เขาได้พบกับหลิงตู้ฉิง ประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเขาก็ถูกเปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาตบ่อยมาก
แต่ทุกครั้งมันก็เป็นหลิงตู้ฉิงที่ทำ แต่รอบนี้เป็นใครกันที่พยายามจะผ่านออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)