ทั้งอุลบา ทั้งอัจฉริยะผู้มาจากเผ่าปีศาจโลหิตต่างรู้สึกตะลึงงัน เมื่อรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างอยากยอมแพ้เหมือนกัน
“ทักษะการควบคุมสายเลือดในร่างศัตรูของเจ้านั้นน่ากลัวเป็นอย่างมากและเจ้าก็รู้ว่าในร่างของข้ามีเลือดอยู่ ดังนั้นข้าคิดว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้หรอก!” หลังจากหายตกตะลึง อุลบาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “และที่สำคัญต่อให้ข้าไม่มีแต้มนี้ ข้าก็ได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว”
อุลบาไม่ได้กลัวว่าสายเลือดมนุษย์หิน ปีศาจยักษ์หรือสายเลือดวิญญาณอเวจีจะถูกควบคุม แต่ที่เขากลัวก็คือสายเลือดทรราชสวรรค์จะถูกควบคุมต่างหาก
หากสายเลือดทรราชสวรรค์ถูกควบคุม มันมีความเป็นไปได้สูงที่สายเลือดทั้งหมดมันจะปะทะกันอีกรอบ ซึ่งหลังจากนั้นเขาจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่
อัจฉริยะเผ่าปีศาจโลหิตยิ้มและตอบกลับ “ข้าควบคุมพลังสายเลือดเจ้าได้ก็จริง แต่เจ้ายังมีพลังจิตที่ข้าสู้ไม่ได้อยู่ แถมพลังจิตของเจ้ายังเหนือกว่าของเหมิงชิวปิงอีกต่างหาก ดังนั้นมันควรจะเป็นข้าต่างหากที่สู้เจ้าไม่ได้ และที่สำคัญตอนนี้คะแนนของข้าก็น่าจะมีเพียงพอที่จะเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นกัน ฉะนั้นเจ้าจงเอาคะแนนนี้ไปและรักษาสถิติชนะรวดไปเถอะ”
“ในบรรดาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้โดยถือสถิติชนะรวด 99 ครั้งนั้นมีน้อยมากและทุกคนที่ทำได้ต่างก็มีชื่อเสียงกันในอนาคตทั้งนั้น ข้าอยากจะให้เจ้าเป็นหนึ่งในนั้น แต่ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเราเจอกันอีก หากข้าจะขอคำชี้แนะหรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าบ้าง ข้าหวังว่าเจ้าคงสนใจข้าบ้างก็แล้วกัน”
อัจฉริยะเผ่าปีศาจโลหิตรู้ตัวดีเช่นกันว่าถึงแม้เขาจะสามารถควบคุมสายเลือดของอุลบา ได้ แต่อุลบาก็ยังสามารถโจมตีเขาได้ด้วยพลังจิต ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องพลังจิต มันคือจุดอ่อนอันใหญ่หลวงของเผ่าเขาเองเช่นกัน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไปหรอก ข้ารู้ขีดจำกัดของข้าดี!” อัจฉริยะเผ่าปีศาจโลหิตหัวเราะอย่างบริสุทธิ์ใจ “ว่าแต่ข้ารู้จักชื่อของเจ้าแล้วแต่เจ้าคงยังไม่รู้จักชื่อของข้า ชื่อของข้าคือ หวางหมิงไห่ ข้าหวังว่าเมื่อเราพบกันอีกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเราจะได้เป็นสหายกัน!”
อุลบาส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องรอเข้าไปถึงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือที่ไหนทั้งนั้น นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้ากับข้าพวกเรามาเป็นสหายกันเลย!”
ที่ด้านล่างเวที เมื่อมี่ไลเห็นการกระทำแบบนี้ของอุลบา นางก็ส่ายหัวและพูดว่า “สามี ศิษย์ของท่านนี่บ้าจริง ๆ ที่จู่ ๆ ก็รับใครก็ไม่รู้ที่เขายังไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อยมาเป็นสหายง่าย ๆ แบบนี้ ขืนเขายังทำตัวแบบนี้ต่อไปในอนาคตเขาจะถูกล่อลวงได้ง่าย ๆ และต้องตายอย่างอนาถแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าสอนแนวทางการบ่มเพาะและประสบการณ์การต่อสู้ได้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นเขาจะต้องเรียนรู้เอาเอง ซึ่งถ้าหากเขาจะตายเพราะเรื่องแบบนี้จริง ๆ ข้าก็คงได้แต่ทำใจยอมรับ เอาล่ะตอนนี้พวกเรารอส่งเขาเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กันจะดีกว่า”
ในเมื่ออุลบาได้ที่ 1 แบบนี้ เขาจะต้องได้เข้าไปเจอกับผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรงแน่นอน และเมื่อเป็นแบบนั้นแผนการของหลิงตู้ฉิงก็จะสำเร็จอย่างงดงามและอุลบาก็จะไม่มีความเสี่ยงที่จะตาย
หลิงตู้ฉิงรู้ดีว่าผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่คนเลือดเย็นอะไรนัก และเมื่อเขาส่งตัวหลิงเทียนหยุนไปให้กับผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรหลิงเทียนหยุนอีก
ในเวลาเดียวกัน การต่อสู้ที่ด้านบนเวทีก็เริ่มบางตาลง นอกเหนือจากพวกที่แน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอนก็เหลืออีกประมาณ 30 กว่าคนที่ยังคงรอให้ผู้ดูแลการคัดเลือกประกาศจัดอันดับอีกที
ที่เป็นเช่นนี้เพราะคะแนนของบางคนยังก้ำกึ่งและพวกเขาก็ไม่เห็นคะแนนของคนอื่น ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่รอการประกาศผลอย่างเป็นทางการเท่านั้น
หลังจากที่การต่อสู้ของคู่สุดท้ายจบลง ผู้ดูแลการคัดเลือกก็ประกาศผลการจัดอันดับในทันที “การคัดเลือกสิทธิ์ในการเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้จบลงแล้ว ข้าขอประกาศ 10 อันดับแรกของผู้ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ อันดับที่หนึ่ง อุลบา 99 คะแนน! อันดับสอง เหมิงชิวปิง 97 คะแนน ….อันดับสี่ หวางหมิงไห่ … อันดับเก้า เหยาเจิ้งคุน ส่วนอันที่สิบในขณะนี้ยังคงไม่อาจตัดสินได้เพราะมี 2 ผู้เข้าคัดเลือกคะแนนเท่ากัน ซึ่งก็คือ โม่หยุน จากเผ่าปีศาจสวรรค์ และ ชิวเจี้ยนปิง จากเผ่าปีศาจสมุทร เอาล่ะพวกเจ้าทั้งคู่ต้องสู้กันอีกรอบ และผู้ชนะจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่วนผู้เข้าคัดเลือกที่เหลือพวกเจ้าจงลงไปจากเวทีแห่งนี้กันได้แล้ว!”
นอกเหนือจากผู้ที่ถูกขานชื่อ คนอื่น ๆ ต่างก็เดินลงจากเวทีด้วยสีหน้าไม่ยินยอม
แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยากยินยอม แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำผิดกฎของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะบทลงโทษนั้นรุนแรงสาหัสเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว
ทางด้านของ 11 คนที่ถูกขานชื่อ นอกเหนือจากโม่หยุนและชิวเจี้ยนปิงที่กำลังมีสีหน้ากังวล คนอื่น ๆ ต่างก็แสดงสีหน้าเปี่ยมสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากพวกเขาได้รับการขานชื่อยืนยันแล้วว่าพวกเขาจะได้เข้าไปด้านในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
จากนั้นทุกคนก็ถอยไปยืนข้าง ๆ ปล่อยให้โม่หยุนและชิวเจี้ยนปิง เริ่มการประลองกัน
โม่หยุนจ้องหน้าชิวเจี้ยนปิง และพูดว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าก็แพ้ให้กับข้าไปแล้ว ดังนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรที่พวกเราต้องสู้กันอีก? ทำไมเจ้าไม่ยอมแพ้ให้ข้าไปแต่โดยดีเพื่อที่พวกเราทั้งคู่จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บตัว และอีกอย่างขืนพวกเราสู้กันต่อไปมันมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราอาจจะตายทั้งคู่”
หากเขาสามารถชนะได้โดยไม่จำเป็นต้องสู้ โม่หยุนเองก็ไม่อยากจสู้ให้เกิดความเสี่ยงกับชีวิตของเขาเหมือนกัน
“ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ได้!” ชิวเจี้ยนปิงพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “การประลองก่อนหน้านี้ที่ข้าแพ้เจ้าเพราะว่าข้ายังไม่ทุ่มสุดตัว แต่ในเมื่อตอนนี้ข้าไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะใช้บทเพลงแห่งปีศาจสมุทรให้เต็มความสามารถที่ข้ามีสู้กับเจ้า และพวกเรามาดูกันว่าใครจะได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”..ไอรีนโนเวล
โม่หยุนเมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเขาก็กลายเป็นเคร่งเครียดในทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เขาประลองกับชิวเจี้ยนปิง เขาก็โดนบทเพลงแห่งปีศาจสมุทรเล่นงานเหมือนกัน ซึ่งภาพหลอนจากผลของทักษะของนางยังตราตรึงอยู่ในหัวเขาอยู่เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)