หลังจากที่ได้รับการอนุญาตจากหลิงตู้ฉิงว่าพวกเขาสามารถตามร่วมทางไปด้วยได้ บรรดาภูตดินจึงรู้สึกเบาใจลงเป็นอย่างมาก
จากนั้นบรรดาภูตดินจึงเริ่มทำการคัดเลือกว่าใครจะรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันให้กับเหล่าภูตดินหนุ่มทั้งห้าของพวกเขา
เพื่อเป็นการปกป้องภูตดินหนุ่มทั้งห้าที่มีความสำคัญเท่ากับความอยู่รอดของเผ่าพวกเขา เหล่าภูตดินจึงส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 10 ตนที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกเขาให้รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ ซวนหยวนตู่
ที่พวกเขายอมทุ่มสุดตัวขนาดนี้ก็เพราะหนทางรอดและอนาคตของพวกเขาในเวลานี้ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตเหยาชานอีกต่อไปแล้ว มันกลายเป็นอยู่ที่โลกภายนอก
เมื่อคัดเลือกว่าใครจะไปใครจะอยู่กันเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ทุกคนจึงเหลือแค่เพียงรอเวลาให้ หลงเฉิน โม่หยูถัง และอุลบา ทำภารกิจกอบกู้เผ่าภูตดินของพวกเขาเสร็จ
หลังจากนั้น 7 วันต่อมา ในที่สุดทั้งสามก็ถูกปล่อยตัวออกมาด้วยสภาพอิดโรย แต่ในทางกลับกันเหล่าสาว ๆ ของเผ่าภูตดินกลับมีสีหน้าที่อิ่มเอิบเป็นสัญญาณว่าพวกเขาทั้งสามได้ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี
โม่หยูถังค่อย ๆ เดินกลับมาหาหลิงตู้ฉิงด้วยสภาพที่ย่ำแย่กว่าหลงเฉินและอุลบา เมื่อเขาเดินมาถึงหลิงตู้ฉิง เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนแรง “นายท่าน ข้าเกือบตายเพราะท่าน!”
“ท่านอาจารย์ ข้าก็แทบจะไม่ไหวเช่นกัน!” อุลบาก็พูดขึ้นเช่นกันด้วยสีหน้าหดหู่
ในทางกลับกัน หลงเฉินกลับพูดขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนว่า “นายท่าน หากพวกนางไม่เร่งอะไรมากและทำกันแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ข้าคงพอจะเต็มใจอยู่ แต่นี่พวกนางช่างรุนแรงและเร่งเร้ากันเหลือเกิน แม้ตอนนี้ข้ายังพอไหว แต่ถ้ายังทำต่อไปอีกสัก 4-5 วัน ข้าก็คงต้องขอลาเหมือนกัน…”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ “หึ! ดี! ในเมื่อเจ้ายังพอไหว ถ้างั้นก็จงไปลากรถมังกรต่อเลย! อ๋อและอีกอย่าง แบก 2 คนนี้ขึ้นหลังเจ้าไปที่รถมังกรด้วย เมื่อทุกอย่างพร้อม ข้าจะเดินทางออกจากที่นี่ทันที!”
ซวนหยวนตู่พูดขึ้นแทรกทันที “ไม่เป็นไรท่านผู้ส่งสาสน์ เดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าเป็นคนแบกพวกเขาไปส่งเอง ตอนนี้ทั้งสองนับได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเยาวชนเผ่าเราในอนาคตแล้ว ดังนั้นโปรดให้พวกเราได้อำนวยความสะดวกให้กับพวกเขาแทนเถอะ”
เมื่อพูดจบ ภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 2 ตนก็เดินมาแบกโม่หยูถังและอุลบาขึ้นหลังไปส่งที่รถมังกร จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ป่าภูตนางฟ้าต่อในทันที
“ท่านผู้ส่งสาสน์ เผ่านี้เหมาะที่จะให้หลาน ๆ ของข้ามีสัมพันธ์ด้วยไหม?”
“ท่านผู้ส่งสาสน์ เผ่านี้ดีไหม?”
“ท่านผู้ส่งสาสน์?”
“……”
ตลอดทางตั้งแต่ออกจากอาณาเขตเหยาชาน ซวนหยวนตู่ถามคำถามเช่นนี้ย้ำ ๆ กับหลิงตู้ฉิงตลอดเวลา หวังว่าเขาจะได้เจอกับเผ่าที่เหมาะสมที่จะให้คนของเขามีสัมพันธ์ด้วยโดยเร็วที่สุด
แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจเลยในเรื่องของรูปร่างหน้าตาว่าฝั่งตรงข้ามจะแปลกประหลาดแค่ไหน
เผ่าของเขาที่ใกล้จะสูญพันธ์อยู่รอมร่ออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามาสนใจอะไรกับเรื่องไร้สาระเหล่านั้น เขาขอแค่ฝั่งตรงกับเป็นเพศหญิงและสามารถตั้งครรภ์ให้กับเผ่าของเขาได้ก็พอ
หลิงตู้ฉิงพูดกับซวนหยวนตู่อย่างใจเย็นว่า “ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าเจ้าห้ามใช้กำลังขืนใจหญิงสาวเผ่าอื่น ๆ เด็ดขาด หากพวกนางไม่ยอม พวกเจ้าต้องเลิกตอแยกับพวกนางทันที พวกเจ้าต้องเข้าใจว่าหากพวกนางไม่ยินยอมพร้อมใจ บุตรที่กำเนิดมาจะกลายเป็นเด็กที่มีปม ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีต่อเผ่าของเจ้าเลยที่มีสมาชิกเผ่าเช่นนั้น และที่สำคัญอีกอย่างก็คือมันจะกลายเป็นว่าพวกเจ้าสร้างศัตรูกับเผ่าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ซึ่งมันไม่นานหรอกที่พวกเจ้าจะโดนรุมโจมตีจากเผ่าอื่น ๆ มากมาย”
“หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างก็คือ เผ่าพวกเจ้าคงหลีกเลี่ยงจากการค่อย ๆ สูญพันธ์ได้เพราะพวกเจ้าคงถูกคนเผ่าอื่นฆ่าตายกันจนหมดก่อนนั่นล่ะ”
“แต่ว่าเผ่าของเรามีเวลาเหลือไม่มากแล้วนะท่านผู้ส่งสาสน์!” ซวนหยวนตู่ตอบกลับด้วยสีหน้ากังวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)