จ้าวเหมิงลู่ที่ยืนอยู่ด้านในได้สักพักแล้วแต่เมื่อไม่มีใครสังเกตได้ถึงตัวตนนาง นางจึงเดินเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นอีกเพื่อแสดงตัว
อันที่จริงในนาทีแรกที่นางเข้ามาเห็นภาพในเรือนของหลิงตู้ฉิง เมื่อนางได้เห็นว่ามีเด็กมากมายอยู่ในเรือนนางก็ตกตะลึง
ในความคิดของนาง หลิงตู้ฉิงเพิ่งจะมีอายุ 20 กว่าปีแล้วทำไมจึงมีบุตรมากมายถึงง 7 คนได้อย่างไร
โดยเฉพาะบุตรชายคนโตก็ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือว่าอาจจะเป็นไปได้ที่หลิงตู้ฉิงจะเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญที่ทำเด็กสาวสักคนหนึ่งท้องตอนอายุ 14 หรือ 15 ปี?
นี่มันช่าง…
ในทันใดนั้นจ้าวเหมิงลู่ก็สังเกตเห็นว่าจู่ ๆ ระดับพลังของหลิงตู้ฉิงได้เลื่อนระดับไปถึงขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 7 แล้ว
เป็นไปได้ไหมว่าชายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาด? นี่เขาเลื่อนขั้นถึงสองระดับของการบ่มเพาะระหว่างการเดินทางกลับงั้นหรือ?
นางไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง เพ่งมองหลิงตู้ฉิงอีก มันคือระดับ 7 จริง ๆ ไม่มีอะไรผิดพลาด
ในเวลาเดียวกันนี้ หลิงตู้ฉิงก็ทำให้ลูก ๆ ของเขาสงบลงและพูดกับทุกคน “วันนี้เรามีแขกมาเยือนตระกูลเรา นี่คือจ้าวเหมิงลู่ ข้าพบนางเมื่อตอนออกไปข้างนอก”
“สวัสดีแม่นางจ้าว!” โม่หยูถังมองไปที่เครื่องหมายบนร่างกายของจ้าวเหมิงลู่แล้วพูดทักทายนางด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่รู้ว่าทำไมหญิงสาวจากสถาบันราชวงศ์จึงมาที่เรือนนี้ได้
เด็กคนอื่นก็เข้ามาทักทายนางเช่นกัน หลิงไช่หยุนที่มีอายุแค่เพียง 3 ขวบถามนางอย่างไร้เดียงสา “พี่สาวจ้าว ท่านมาที่นี่เพื่อเป็นแม่ของพวกเราใช่ไหม?”
จ้าวเหมิงลู่รีบสั่นหัวแล้วตอบว่า “ไม่ ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่พบท่านพ่อของพวกเจ้าในระหว่างการเดินทางเท่านั้นเอง”
สำหรับชายที่แต่งงานแล้ว นางไม่สามารถที่จะคิดเรื่องอกุศลแบบนั้นได้
หลิงตู้ฉิงพูดเสียงเบาว่า “นางโง่เกินไป นางไม่เหมาะจะเป็นแม่ของพวกเจ้าหรอก มิฉะนั้นพวกเจ้าจะได้เรียนรู้ความโง่เขลาจากนางไปด้วย เอาล่ะ ระหว่าทางกลับมาพ่อยังไม่ได้แวะพักที่ไหนเลยแถมยังไม่ได้กินอะไรมาด้วย รีบเอาอะไรสักอย่างมาให้พ่อกับพี่สาวจ้าวกินที”
หลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ จึงได้รีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหาร แต่โม่หยูถังยังคงยืนอยู่และได้ขอโทษจ้าวเหมิงลู่แทนหลิงตู้ฉิงที่ได้ใช้คำพูดเช่นนั้นกับนาง
จ้าวเหมิงลู่ยอมรับคำขอโทษจากโม่หยูถังด้วยสีหน้าจนใจ อันที่จริงนางไม่สามารถโกรธในสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดได้เพราะตัวนางเองระหว่างทางกลับมาก็ได้ถูกหลิงตู้ฉิงติติงไว้มาก จนนางรู้สึกว่าตัวเองโง่เล็กน้อยจริง ๆ บวกกับนางได้รับผลประโยชน์จากหลิงตู้ฉิงมามาก และด้วยความลึกลับของหลิงตู้ฉิง นางจึงไม่กล้าคิดโกรธเป็นธรรมดา
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เด็ก ๆ ที่เหลือก็พากันไปทำงานในเรือน หลิงไช่หยุนผู้มีอายุ 3 ขวบซุกเข้าไปยังแขนของหลิงตู้ฉิงและมองไปที่จ้าวเหมิงลู่เป็นครั้งคราวด้วยดวงตาที่สดใส
หลิงตู้ฉิงกอดหลิงไช่หยุนแล้วพูดกับจ้าวเหมิงลู่ “ถึงแม้อาการบาดเจ็บของเจ้าจะไม่รุนแรง แต่ก็ยังลำบากในการฟื้นฟู ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วย ข้าก็จะขอเก็บเงินจากเจ้า”
“ตอนนี้เจ้ามีสองทางเลือก หนึ่งคือเป็นการรักษาให้เสร็จโดยไว โดยการบาดเจ็บเจ้าจะหายเป็นปลิดทิ้งในวันพรุ่งนี้ แต่ข้าจะเก็บเงินเจ้า 20,000 เหรียญทอง ส่วนอีกทางคือค่อย ๆ รักษา ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 7 วันหรือมากที่สุดคือครึ่งเดือนเจ้าถึงจะหาย ข้าจะเก็บค่ารักษาแค่ 5,000 เหรียญทอง”
จ้าวเหมิงลู่รีบตอบ “เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า ข้ามีเหรียญทองมากมายอยู่ในธนาคาร แต่ข้าอยากรู้ถึงวิธีการรักษาแบบเร่งด่วนของท่าน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “ถ้าเป็นการรักษาโดยไวก็หลับให้สบายในคืนนี้ และพรุ่งนี้ก็ถอดเสื้อผ้ารอข้าที่ห้อง…”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ หลิงไช่หยุนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านพ่อน่าไม่อาย ข้าไม่ฟังแล้ว!”
แม้ว่าจะปฏิเสธไม่ฟังและเอามือปิดตาทั้งสองข้างแต่หลิงไช่หยุนก็ยังเงี่ยหูฟัง ใบหน้าจ้าวเหมิงลู่แดง นางสั่นหัวดิกและพูดว่า “แล้วถ้าข้าเลือกทางที่สองที่ช้ากว่าล่ะต้องทำอย่างไร?”
หลิงตู้ฉิง ตีเด็กน้อยในวงแขนแล้วบอกให้หยุดยุกยิกและพูดกับจ้าวเหมิงลู่ว่า “ถ้าเจ้าเลือกทางที่ช้ากว่า ข้าจะสอนวิชาให้กับเจ้าเพื่อให้เจ้าใช้มันในการรักษาตัวเจ้าเอง แต่เจ้าเป็นคนเรียนรู้ช้า ด้วยสมองที่โง่เขลาของเจ้า ถ้าเจ้าสามารถเรียนรู้ได้ภายใน 2 วันก็เหลือเชื่อแล้ว”
หลังจากนั้นหลิงไช่หยุนก็อธิบายทักษะวิชาพลังชีพหวนคืนให้หลิงตู้ฉิงฟัง หลิงตู้ฉิงก็พบว่าเคล็ดวิชาที่นางจำได้นั้นถูกต้องทั้งหมด
แต่หลิงไช่หยุนยังเด็กเกินไป ยังไม่มีพลังวิญญาณในร่างกาย นางจึงยังไม่สามารถสำแดงผลของวิชาพลังชีพหวนคืนออกมาได้ในตอนนี้
หลิงตู้ฉิงมองหลิงไช่หยุนอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกแปลกใจว่าลูกของเขาคนนี้เป็นเซียนกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงมีพรสวรรค์ในการจำเช่นนี้
หากเป็นคนปกติแล้วถ้าต้องการตรวจสอบพรสวรรค์ของเด็กคนหนึ่ง บรรดาผู้ปกครองจะต้องรอจนถึงเด็กคนนั้นมีอายุมากกว่า 7 ขวบก่อนถึงจะสามารถตรวจสอบได้ว่าพรสวรรค์ของเด็กผู้นั้นคืออะไร
อย่างไรก็ตามในฐานะที่หลิงตู้ฉิงเคยอยู่ในระดับที่อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะสามารถเป็นนิรันดร์กาลได้ หลิงตู้ฉิงย่อมมีวิธีที่จะตรวจสอบความสามารถของลูก ๆ เขา ได้ก่อนจะถึงอายุ 7 ปี
“ไช่หยุน เจ้าให้เลือดสักหยดกับพ่อได้ไหม แค่รอยเล็ก ๆ บนปลายนิ้วไม่เจ็บหรอก”
หลิงไช่หยุนเอามือทั้งสองไปไว้ข้างหลัง แล้วจ้องมองหลิงตู้ฉิงอย่างระมัดระวัง เด็กหญิงตัวน้อยปฏิเสธที่จะยื่นมือให้
หลิงตู้ฉิงทำได้เพียงพยายามเกลี้ยกล่อม “พ่อแค่ต้องการจะดูว่าเจ้ามีลักษณะเฉพาะอย่างไรก่อนที่จะสามารถสอนเจ้าได้ อย่ากลัวไปเลยมันไม่เจ็บหรอก แค่เลือดหยดเดียว ถ้าเจ้ายอมทำตามคำขอของพ่อ เดือนหน้าพ่อจะให้เจ้ามานอนหลับกับพ่อทั้งเดือนตกลงไหม?”
หลิงไช่หยุนคำนวณอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าผลประโยชน์ของหลิงตู้ฉิงเสนอให้เป็นที่ยอมรับได้ ดังนั้นนางจึงขมวดคิ้วแล้วยื่นมือให้หลิงตู้ฉิง
เมื่อหลิงตู้ฉิงจิ้มไปที่นิ้วของนาง นางทำหน้ามุ่ยและมองหลิงตู้ฉิงด้วยความไม่พอใจ
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจนาง เขาวางหยดเลือดไว้บนฝ่ามือ ก่อนจะพูดเบา ๆ “ตามรอยต้นกำเนิดสายเลือด!”
หยดเลือดในฝ่ามือของเขาปล่อยเปลวไฟที่แผ่วเบาออกมาและปรากฎเงาในหยดเลือดนั้น อย่างไรก็ตาม เลือดได้ระเหยไปหมดจากการเผาไหม้ของเปลวไฟก่อนที่จะเปิดเผยความลับของเงานั้น ทิ้งไว้ก็แต่ขนหางขนหนึ่งที่งดงาม หลิงตู้ฉิงได้รับคำตอบในที่สุด เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงง “สายเลือดฟินิกซ์เพลิงสวรรค์!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)