ภาพวาดแบบไหนกันที่จำเป็นต้องใช้เลือดมนุษย์ในการดู?
ในความเป็นจริง หลิงตู้ฉิงแค่ต้องการเลือดของหลินเหรินเจี๋ยเพื่อยืนยันว่าตระกูลหลินนั้นคือตระกูลของเขา
ส่วนทางด้านของหลินเหรินเจี๋ยที่ไม่เคยพบกับปรมาจารย์จิตรกรมาก่อน เขาจึงคิดว่ามันคงเป็นปกติของภาพวาดบางแบบที่เวลาจะดูนั้นคงจะต้องใช้เลือดในการดูมัน
จากนั้นในทันทีที่เขาหยดเลือดลงบนม้วนภาพวาดของหลิงตู้ฉิง จู่ ๆ ม้วนภาพวาดก็คลายออกและปราณกระบี่สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากภาพวาดพุ่งเข้ามาหาตัวเขา ซึ่งปราณกระบี่นี้มันลึกลับและน่าดึงดูดจนหลินเหรินเจี๋ยอยากจะทำความเข้าใจกับมัน
ด้วยความมั่นใจในตัวเองของเขาที่เขาประเมินแล้วว่าเขาน่าจะพอรับมือกับปราณกระบี่นี้ได้ หลินเหรินเจี๋ยจึงต่อต้านมันอย่างสุดฤทธิ์โดยที่ระหว่างต้านทานปราณกระบี่ เขาก็พยายามทำความเข้าใจเต๋ากระบี่ที่แฝงอยู่ในปราณกระบี่ไปด้วย
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงเองก็ฉวยโอกาสตอนที่หลินเหรินเจี๋ยกำลังยุ่งอยู่กับการทำความเข้าใจปราณกระบี่ เอาหยดเลือดของหลินเหรินเจี๋ยมาตรวจสอบดูว่าแท้จริงแล้วต้นตระกูลหลินเป็นใคร
หลังจากผ่านไปสักพัก เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยบางคน เขาก็แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา จากนั้นเขาจึงเก็บภาพวาดเพลงกระบี่นั้นกลับมาเพื่อใช้มันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
หลินเหรินเจี๋ยเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้อยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นและพูดออกมาว่า “ช่างเป็นเพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ในอดีตมีอัจฉริยะผู้หนึ่งคิดค้นมันขึ้นมาและบังเอิญว่าข้าไปเห็นมันพอดีข้าเลยบันทึกมันไว้ เพลงกระบี่นี้มีชื่อว่าดารากระพริบ แต่ว่าอำนาจของมันที่ข้าบันทึกไว้นั้นข้าสามารถบันทึกเอาไว้ได้แค่ 8 ส่วนจากเพลงกระบี่ของจริง”
“เหล่าจิตรกรนี่ช่างทรงพลังจริง ๆ” หลินเหรินเจี๋ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสัตย์จริง
จากนั้นเมื่อเขาลองนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เขากำลังอยู่ในสภาวะหยั่งรู้อยู่เกือบชั่วโมงเมื่อครู่ มุมมองที่เขามีต่อหลิงตู้ฉิงก็กลายเป็นบวกมากขึ้น เพราะในช่วงเวลานั้นหากหลิงตู้ฉิงคิดที่จะฆ่าเขาจริง ๆ มันคงง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
แน่นอนว่าการที่หลิงตู้ฉิงไม่ทำอะไรเขาแบบนี้ เขาก็ยินดีที่จะมอบความไว้วางใจให้ในระดับหนึ่ง
“พี่อู๋ ในเมื่อท่านอยากจะเห็นความงดงามของเกาะหนานชาน ถ้างั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปชมรอบ ๆ เอง แต่ว่าหลังจากที่ท่านดูเสร็จแล้วข้าแนะนำว่าท่านควรจากไปในทันที ข้าต้องขอย้ำกับท่านอีกทีว่าที่นี่มันไม่ปลอดภัย!” หลินเหรินเจี๋ยพูดขึ้น “แต่ถ้าท่านยังปฏิเสธที่จะไม่ไปอีก หากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ ท่านก็อย่าโทษข้าหาว่าข้าไม่เตือนท่าน”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเอาแต่ยิ้มไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ หลินเหรินเจี๋ย จึงจากไปโดยที่ไม่โน้มน้าวอะไรอีก
ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะได้รับความเชื่อใจจากเขาแล้วก็จริง แต่มันก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่พอที่จะทำให้เขาเล่าปัญหาของตระกูลเขาออกไป
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงนั้นก็ตัดสินใจแล้วว่าในเวลานี้เขาไม่จากไปแน่นอน เพราะว่าผลการตรวจสอบสายเลือดมันบ่งบอกว่าตระกูลหลินก็คือตระกูลหลิง ตระกูลของเขาเอง!
ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลของเขาที่ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนแซ่แบบนี้ แต่สิ่งที่เขาแน่ใจมากที่สุดก็คือ หลินเหรินเจี๋ย นั้นคือทายาททางสายของพี่ชายเขา ไม่ว่าจะยังไงเขาต้องสืบรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลนี้และทำไมตระกูลของเขาถึงยังคงอาศัยอยู่ที่เดิมโดยที่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเหล่าศัตรูของเขาเลย?
ในชีวิตที่แล้วถึงแม้ว่าเขาจะตัดขาดความสัมพันธ์ของตัวเขากับตระกูลไปจนหมด แต่มันก็ใช่ว่าเขาจะไม่เหลือร่องรอยของเขาทิ้งไว้ที่ตระกูลเลย
ดังนั้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาจึงได้แต่คิดว่าอาจเป็นเพราะสวรรค์ช่วยปกปิดตระกูลของเขาเอาไว้ให้ ไม่เช่นนั้นปัจจุบันตระกูลหลินคงไม่อยู่ดีได้ถึงขนาดนี้.ไอลีนโนเวล.
หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะแหงนมองฟ้าและถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หยิบยันต์เคลือบหยกแผ่นหนึ่งขึ้นมาและเริ่มวาดอะไรบางอย่างลงบนมัน
ในเมื่อจริง ๆ แล้วตระกูลหลินก็คือตระกูลหลิงของเขาเอง ดังนั้นไม่ว่าปัญหาอะไรที่ตระกูลหลินกำลังเผชิญอยู่ เขาจะช่วยแก้ไขมันให้ทั้งหมด ซึ่งถ้าเขาจะคงรักษาเงื่อนไขที่เขาไม่เปิดเผยตัวตนให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ดังนั้นเขาจำเป็นต้องใช้ทักษะของจิตรกรในการแก้ไขสถานการณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)