ในขณะที่หลิงตู้ฉิง หลินเหรินเจี๋ยและกงหลิงกำลังจะเดินขึ้นไปบนหอคอยเสียงสวรรค์ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของหลินหรูซวน และเมื่อพวกเขามองไปที่นางพวกเขาก็เห็นว่านางพาชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาหล่อเหลามากับนางด้วย
“นี่พวกท่านกำลังขึ้นไปบนหอคอยเสียงสวรรค์งั้นเหรอ? บังเอิญจริง ๆ เลยข้าเองก็ว่าจะขึ้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนเหมือนกัน!” หลินหรูซวนหัวเราะ
“งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงส่งยิ้มให้นาง จากนั้นเขามองสำรวจชายหนุ่มที่หลินหรูซวนพามาอย่างละเอียด
จากที่เขาสามารสัมผัสได้ เขาบอกได้ว่าชายผู้นี้แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลินหรูซวนเลย แตกต่างจากหลินหรูซวนที่มีความรู้สึกรุนแรงเป็นอย่างมากต่อชายผู้นี้
‘ชายผู้นี้น่าจะเป็นชายที่นังหนูนี่มีความรู้สึกให้…’ หลิงตู้ฉิงพึมพำกับตัวเอง
แต่ว่านังหนูนี่คงไม่รู้สินะว่าไอ้เจ้าหนุ่มผู้นี้ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางสักเท่าไหร่?
หลินเหรินเจี๋ยยิ้มและทักทายชายหนุ่มที่น้องสาวของเขาพามาว่า “น้องถังก็มาที่นี่เหมือนกันงั้นเหรอ? อ๋อ พี่อู๋ ข้าขอแนะนำสักหน่อย…”
แต่ก่อนที่หลินเหรินเจี๋ยจะทันได้พูด หลินหรูซวนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “ให้ข้าแนะนำเอง! นี่คือพี่ถังจุนเหริน ชายที่ข้าชอบแต่เพียงผู้เดียว! ที่ข้าพาเขามาวันนี้ก็เพราะว่าข้าอยากจะให้เจ้าเลิกความคิดที่จะตอแยข้าได้แล้ว อย่าคิดว่าการที่เจ้าเป็นจิตรกรและมอบสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ให้ข้ามันจะทำให้ข้าเปลี่ยนใจไปชอบเจ้าได้!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อยกับการกระทำของหลินหรูซวน แต่ในทางกลับกัน ถังจุนเหรินกลับมองหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาสนใจและถามว่า “นี่ท่านเป็นจิตรกรงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แล้วเจ้าล่ะเป็น..?”
ถังจุนเหรินหัวเราะอย่างเขอะเขิน เนื่องจากเขาลืมแนะนำตัวเอง “ขออภัยที่เสียมารยาท ท่านพ่อของข้ามีตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลหลิน!”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเอ็นดูซวนเป็นอย่างมาก ดังนั้นเจ้าห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด!”
หลินหรูซวนสะดุ้งสุดตัวทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางรีบชี้หน้าถามหลิงตู้ฉิงทันที “นะนะนี่เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน!”
ในทางกลับกัน ถังจุนเหรินกลับไม่ได้รู้สึกโมโหอะไรเลยแม้แต่น้อย เขายังคงยิ้มและตอบกลับว่า “ข้าเองก็ชอบนางมากเหมือนกัน ข้าจะทำร้ายนางได้ยังไง?”
“ฮึ่ม!” หลินหรูซวนรีบเดินไปคล้องแขนถังจุนเหริน เพื่อแสดงให้หลิงตู้ฉิงเห็นว่าไม่ว่ายังไงนางก็ไม่เปลี่ยนใจ จากนั้นนางพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ไปกันเถอะพี่ถัง พวกเราขึ้นไปบนหอคอยกันเถอะอย่าไปสนใจกับคนบ้าแบบนี้เลย!”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันค่อนข้างเลยเถิดไปกันใหญ่ หลินเหรินเจี๋ยก็ได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “พี่อู๋ น้องสาวของข้าเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีอารมณ์ร้อนโปรดท่านอย่าได้ถือสานางเลย!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและถามขึ้นว่า “ชายที่ชื่อ ถังจุนเหริน นั่นมีประวัติเป็นมายังไง?”
หลินเหรินเจี๋ยตอบกลับว่า “ถังจุนเหรินนั้นเป็นลูกชายคนเดียวของผู้อาวุโสถัง ซึ่งตระกูลข้าเชิญให้เขามาเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลได้ราว 200 ปีแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ของหรูซวนกับถังจุนเหรินนั้นนับได้ว่าพวกเขาชอบกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นการที่พวกเขาแสดงท่าทีใกล้ชิดกันขนาดนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกในสายตาพวกเรา ส่วนท่านก็อย่าได้ถือสาอะไรพวกเขาเลย”
“เจ้าไม่เป็นต้องกังวลหรอก หลายอย่างมันไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด เอาล่ะพวกเราเองก็เข้าไปในหอคอยกันเถอะ!” หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย
หลิงตู้ฉิงคิดว่าหลังจากนี้เขาต้องหาโอกาสเตือนเด็กสาวตระกูลของเขาให้ได้ก่อนที่หลาย ๆ อย่างมันจะสายเกินแก้ แต่ตอนนี้เขาต้องตรวจสอบหอคอยเสียงสวรรค์นี่ก่อนเพราะมันสำคัญกว่า
ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปในหอคอยเสียงสวรรค์ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เนื่องจากเขารู้ได้ทันทีว่าแกนหลักของหอคอยแห่งนี้คือสมบัติวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกผนึกอยู่ที่ใจกลางหอคอย
หอคอยนี้ถูกสร้างมาอย่างดีและเหตุผลที่มันถูกสร้างขึ้นก็เพื่อคอยปกปิดสมบัติวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้จากสายตาผู้คน แถมมันยังสามารถปลดปล่อยอำนาจของสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ออกไปเล่นงานศัตรูได้หากตรงตามที่เงื่อนไขกำหนด
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
ภายใต้การนำของหลินเหรินเจี๋ย พวกเขาทุกคนต่างค่อย ๆ เดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของหอคอย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงตรวจสอบหอคอยนี้เสร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)