หลังจากผ่านประสบการณ์ที่พวกเห็นสิ่งต่าง ๆ ในห้วงภวังค์ พวกเขาทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้น ยกเว้นก็แต่หลินหรูซวนที่มีดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาให้คนอื่น ๆ เห็น
ตอนนี้นางรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก แต่ในใจของนางอีกฝั่งหนึ่งก็พยายามปลอบตัวเองว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ภาพมายาที่หลอกหลอนนางเท่านั้น ดังนั้นนางจึงยังไม่ปักใจเชื่อเต็ม 10 ส่วน
แต่อย่างน้อย ๆ ในตอนนี้นางก็เริ่มที่จะยั้งใจของนางเองได้แล้ว
ภาพที่นางเห็นตอนนั้นมันรุนแรงเกินไป ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการคิดทบทวนอะไรหลายอย่างให้มากขึ้น
ในทางกลับกัน ถังจุนเหรินกลับรู้สึกตื่นเต้นในเรื่องของอำนาจหอคอยเสียงสวรรค์มากกว่า เพราะมันเป็นดั่งที่ตำนานเล่าขานกันจริง ๆ เขาอยากจะได้รับประสบการณ์แบบนี้อีกหลายรอบ ๆ เพื่อให้ตัวของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่น่าเสียที่เขาเองก็บังคับอะไรเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน ส่วนภาพมายาในห้วงภวังค์ที่เขาเห็นนั้น เขาแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่เขาเห็น เพราะเขาตั้งใจที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องตื่นเต้นอะไร
“พวกเรานี่โชคดีจริง ๆ ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับตำนานของหอคอยเสียงสวรรค์แบบนี้!” หลินเหรินเจี๋ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “พี่อู๋ ข้าเกรงว่าวันนี้ข้าคงต้องขออภัยท่านด้วยจริง ๆ เพราะข้าคงไม่สามารถพาท่านชมรอบ ๆ เกาะต่อได้อีกแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับไปแจ้งท่านปู่และคนอื่น ๆ ให้รู้ในเรื่องนี้ก่อนทันที”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้าเองต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ ที่พาข้ามาที่นี่จนทำให้ข้าได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย แถมยังทำให้ข้าวาดภาพสิ่งต่าง ๆ ที่ทรงอำนาจได้หลายอย่าง เอาล่ะข้าขอแบ่งภาพวาดที่ข้าเพิ่งวาดเสร็จให้กับเจ้าเพื่อเป็นการขอบคุณ ส่วนเจ้าสาวน้อย เจ้าอยากได้สักภาพไหมเพื่อเอาไว้ปกป้องตัวเอง?”
หลินหรูซวนมองหลิงตู้ฉิงด้วยหางตา จากนั้นนางก็เดินลงบันไดไปในทันทีไม่รอถังจุนเหรินเหมือนในตอนแรก
คนอื่น ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ค่อย ๆ เดินลงบันไดตามกันไป เหลือแค่ถังจุนเหรินที่รั้งท้ายเพราะเขาเอาแต่ขมวดคิ้วจ้องหอคอยเสียงสวรรค์อยากรู้วิธีควบคุมมันแทบใจจะขาด แต่เมื่อรู้ว่าจ้องไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเขาจึงค่อย ๆ เดินลงบันไดไปเหมือนกัน และตั้งใจว่าจะรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อของเขา
หลังจากทุกคนลงมาจากหอคอยเสียงสวรรค์ หลินเหรินเจี๋ยก็ไปส่งหลิงตู้ฉิงที่เรือนรับรอง จากนั้นตัวเขาก็ไปหาหลินหงเหวินเพื่อแจ้งข่าวเรื่องหอคอยเสียงสวรรค์
ส่วนทางด้านถังจุนเหรินก็รีบกลับไปที่เรือนของเขาเพื่อแจ้งเรื่องหอคอยเสียงสวรรค์กับพ่อของเขา ถังเหวินหลี่เหมือนกัน “ท่านพ่อตำนานของหอคอยเสียงสวรรค์นั้นเป็นเรื่องจริง วันนี้ข้าประสบมากับตัวข้าเองเลย!”
ถังเหวินหลี่ ซึ่งกำลังนั่งหลับตาบ่มเพาะอยู่นั้นลืมตาขึ้นทันทีและรีบถามขึ้นว่า “หืม? เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? ไหนเจ้าลองเล่ามาสิ!”
หลังจากนั้นถังจุนเหรินก็เล่าทุกอย่างจนหมด ซึ่งถังเหวินหลี่ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นและพูดว่า “ไม่เสียแรงเลยจริง ๆ ที่ข้ายอมเสียเวลาอยู่ที่นี่ 200 กว่าปี! เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะต้องรีบกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้กับนายน้อยรู้ให้เร็วที่สุด!”
“แต่ท่านพ่อ หากท่านจะออกไปจากตระกูลหลินตอนนี้มันจะดูไม่น่าสงสัยงั้นเหรอ ข้าคิดว่าอีกไม่นานตระกูลกงก็คงจะมาโจมตีที่นี่แล้ว หากท่านไม่อยู่ข้าเกรงว่ามันจะดูมีพิรุธเป็นอย่างมาก และอีกอย่างพวกเราต้องช่วยตระกูลหลินให้รอดจากภัยพิบัตินี้ก่อน ไม่เช่นนั้นอนาคตพวกเราจะเข้าถึงหอคอยไม่ได้ง่าย ๆ แบบนี้” ถังจุนเหรินเตือนขึ้น
ถังเหวินหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “ไม่เป็นไร เรื่องปกป้องตระกูหลินเดี๋ยวข้าจะให้คนอื่นจัดการแทน ว่าแต่เรื่องของเด็กสาวตระกูลหลินกับเจ้าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว? ด้วยความสัมพันธ์ของนางกับเจ้ามันยิ่งทำให้แผนของเราง่ายขึ้น เจ้ารู้ใช่ไหม?”
ถังจุนเหรินยิ้มและตอบกลับ “ข้ามั่นใจว่านางไม่หลุดไปจากเงื้อมมือของข้าแน่นอน แต่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีชายหนุ่มที่อ้างว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์จิตรกรปรากฏกายขึ้นและที่สำคัญตอนที่หอคอยเสียงสวรรค์นั่นส่งพลังออกมา ไอ้เจ้าจิตรกรนั่นก็อยู่ด้วย ซึ่งข้าคิดว่ามันแปลกมาก ๆ แถมมันยังบอกอีกว่ามันชอบหลินหรูซวน และก่อนหน้านี้มันมอบสมบัติให้นางไปแล้วถึง 2 ชิ้น ซึ่งมันทำให้ข้ากังวลเล็กน้อยว่าสถานการณ์ต่าง ๆ อาจจะไม่แน่นอนเหมือนอย่างที่เคยเป็น”.ไอรีนโนเวล.
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)