บทที่ 83 การต่อสู้ของเหล่าอัจฉริยะ[รีไรท์]
บทที่ 83 การต่อสู้ของเหล่าอัจฉริยะ[รีไรท์]
เมื่อหมัดได้ปะทะกับพลังฝ่ามือ ภาพอันน่าอัศจรรย์ก็ได้บังเกิดขึ้น พลังที่ฝ่ามือปล่อยออกมานั้นกลับถูกพลังของหมัดข่มไว้อย่างหมดจด ส่วนเปลวเพลิงที่ร้อนแรงนั้นกลับสร้างรอยไหม้ให้กับหลิงยู่ชานได้เพียงเล็กน้อยมาก ๆ เท่านั้น
หลิงยู่ชานเมื่อเห็นฝ่ามือของฝั่งตรงข้ามแทบไม่สร้างความเสียหายให้กับเขาเลย จึงบังเกิดความมั่นใจขึ้นมา “นี่น่ะเหรอคือฝ่ามือที่เจ้าภูมิใจนักภูมิใจหนา ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะเท่าไหร่เลย ส่วนเปลวเพลิงของเจ้านี่หากเทียบกับเพลิงที่น้องสาวของข้าปล่อยออกมาเจ้ายังถือว่าห่างไกลอยู่หลายขุม!”
อันที่จริงเหตุผลที่เขากลัวฝ่ามือเพลิงของฉีเค่อก็เนื่องจากว่า เขายังจำภาพที่หลิงไช่หยุนปล่อยเพลิงออกมาได้ติดตาว่ามันน่ากลัวแค่ไหน เขาจึงเข้าใจว่าเพลิงที่ฉีเค่อใช้ก็น่าจะไม่แตกต่างกันแน่นอน
แต่เมื่อได้รู้ถึงความจริงว่าเพลิงของฉีเค่อนั้นอ่อนแอเช่นนี้ หลิงยู่ชานจึงเตรียมเข้าปะทะโดยตรงกับฉีเค่อทันที
คำกล่าวของหลิงยู่ชานนั้นทุกคนที่ดูการประลองนั้นต่างได้ยิน ตอนนี้ทุกคนที่ดูการประลองอยู่จึงหันมามองทางกลุ่มของหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาสงสัยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับคำกล่าวที่หลิงยู่ชานอ้างไปถึงน้องสาวของเขา
มี่ไลเองที่รู้สึกสงสัยจึงถามขึ้นเช่นกัน “นายท่าน ไม่ทราบว่าคุณหนูคนไหนหรือที่ปล่อยเพลิงได้?”
มี่ไลนั้นนางเข้ามาอยู่ในเรือนหลิงหลังเหตุการณ์ที่หลิงไช่หยุนเกือบเผาเรือนทั้งหลังไปแล้ว นางจึงไม่ทราบว่าใครที่สามารถปล่อยเพลิงได้
หลิงตู้ฉิงเองที่ได้ยินคำถามนี้กลับเงียบไม่ยอมตอบอะไร แต่หลิงว่านถิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นางพยายามส่งสัญญาณโดยการเหล่สายตานางไปยังหลิงไช่หยุนที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิงให้มี่ไลเห็น
เมื่อมี่ไลเห็นสัญญาณของหลิงว่านถิงนางจึงถามออกมาด้วยอาการประหลาดใจ “เอ๊ะ หรือว่าที่นายน้อยยู่ชานพูดถึงจะเป็นคุณหนูไช่หยุน?”
หลิงไช่หยุนเองเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา พลังเพลิงของนางในตอนนี้ยังไม่สามารถแสดงออกมาได้ เนื่องจากนางถูกพ่อของนางสะกดพลังเอาไว้อยู่
ในขณะที่หลิงยู่ชานและฉีเค่อกำลังต่อสู้กันอยู่
ผู้เข้าร่วมอีกคนที่อยู่ในระดับสี่เหมือนหลิงยู่ชาน ตอนนี้อยู่ในสภาพที่น่าสังเวชยิ่งนัก เขากำลังเผชิญหน้ากับหวูปิงที่เป็นศิษย์จากสถาบันฟ้าคำรณ หวูปิงผู้นี้นั้นมีระดับมากกว่าเขาถึงสองระดับ
เมื่อต้องต่อสู้กับผู้ที่มีความต่างถึงสองระดับการบ่มเพาะ ผลลัพธ์จึงถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าหวูปิงเป็นฝ่ายชนะ
“ฉีเค่อ ฝั่งข้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วทำไมฝั่งเจ้ายังจัดการไม่เสร็จอีก?” หวูปิงถาม
ฉีเค่อตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “บ้าเอ้ย! หลิงยู่ชาน แกบังคับข้าเองนะ ตอนแรกข้ากะว่าจะใช้กระบวนท่านี้กับไอ้เจ้าพวกนั้น แต่ในเมื่อแกดื้อด้านขนาดนี้ข้าคงจะต้องสอนบทเรียนอย่างหนักหน่วงให้แกหน่อยแล้ว!”
ในขณะที่ฉีเค่อพูด เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวและตั้งท่าเร่งโคจรพลังธาตุไฟและลมไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นเขาจึงประกบฝ่ามือเข้าหากัน ส่งผลให้พลังทั้งสองเริ่มหมุนวนชนกันจนเริ่มหลอมรวมเปลี่ยนเป็นรัศมีพลังลักษณะเป็นวงล้อสีเขียวและแดงสลับกัน
ขณะที่วงล้อพลังสีเขียวแดงกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ หลิงยู่ชานที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นพุ่งเข้าหาฉีเค่อและเหวี่ยงหมัดไปที่วงล้อพลังที่ใกล้จะก่อรูปร่างเสร็จโดยไม่ลังเล
“ไอ้โง่ อยากตายนักหรือไง ถึงได้วิ่งเข้าไปหาแบบนั้น?” ใครบางคนที่อยู่ด้านล่างเวทีอดไม่ได้ที่จะเตือนหลิงยู่ชาน
เนื่องจากหลิงยู่ชานถือเป็นตัวแทนของความหวังของผู้คนระดับรากหญ้ามากมาย คนจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสได้เข้าสถาบัน ต่างคนต่างรอคอยที่จะให้หลิงยู่ชานเอาชนะทุกคนที่มาจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อเป็นการตบหน้าให้พวกคนที่มาจากสถาบันได้รู้ว่าไม่ใช่จะมีแต่พวกเขาที่ดีเลิศที่สุด
ในเวลานี้หลิงยู่ชานไม่สนว่าใครจะพูดอะไรยังไง ตอนนี้ในสายตาของเขามีแต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ
เมื่อกำปั้นของเขากระแทกกับวงล้อพลังของฉีเค่อ ส่งผลให้การก่อตัวของพลังพังทลายทันทีและตามมาด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง
หลิงยู่ชานลอยละลิ่วถอยกลับด้วยแรงระเบิดที่ทรงพลัง ส่วนฉีเค่อถูกธาตุลมและไฟของตัวเองสะท้อนกลับจนกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก
“เป็นไปได้ยังไง…?” ฉีเค่อร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
เขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก เพราะต่อให้การก่อตัวของรูปแบบผสานธาตุไฟและธาตุลมยังไม่สำเร็จดี แต่พลังที่ยังไม่สมบูรณ์ของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 4 จะทำลายได้แน่นอน
หลิงยู่ชานลุกขึ้นและพูดช้า ๆ “ครูถังเคยกล่าวว่ามีทุกวงกลมจะมีจุดอ่อนอยู่ตรงใจกลางของวงกลมเสมอ วิชาของเจ้านั้นจะต้องแข็งแกร่งมากหากเจ้าสามารถก่อรูปพลังของเจ้าได้สำเร็จ แต่ขอโทษด้วยที่ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นแน่นอน อันที่จริงตัวเจ้าเองก็มีฝีมือไม่เลว แต่น่าเสียดายที่เจ้าดันเลือกมาเจอกับข้า เจ้าจึงไม่สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้!”
จริง ๆ แล้ว หลิงยู่ชานยังมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้พูด นั่นคือมันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณ
มันเป็นสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาที่ได้รับมาหลังจากที่ได้ต่อสู้กับซ่งเหวินเถามาเป็นเวลานานและรวมไปถึงที่พ่อของเขาได้ชี้แนะเทคนิคการรับมือกับคู่ต่อสู้หลาย ๆ แบบให้กับเขา จนทำให้เขานำมาปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนที่หลิงยู่ชานจะพูดจบประโยค ฉีเค่อก็หมดสติไปแล้ว
เจ้าของสถาบันหุบเขาสีคราม หรือที่รู้จักกันในนามปู่ของฉีเค่อ ฉีเทียนหยวน ก้าวขึ้นไปบนเวทีและรักษาอาการบาดเจ็บให้กับฉีเค่อ เขาขมวดคิ้วขณะมองไปที่หลิงยู่ชานและถามว่า “ครูถังคือใคร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)