ในทันทีที่ค่ายกลป้องกันของตระกูลหลินถูกปิดลง กองทหารของเผิงติงเทียนที่ซ่อนอยู่ก็ดาหน้ามุ่งเข้ามาที่เกาะหนานชานทันที ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเผิงติงเทียนเตรียมการล่วงหน้ามาก่อนนานแล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์มันกลับตาลปัตรเช่นนี้ หลินหงเหวินจึงหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาและหันไปพูดกับเผิงติงเทียนว่า “เผิงติงเทียน ข้าขอยอมรับเลยว่าเจ้าเตรียมตัวมาดีมากจริง ๆ!”
เผิงติงเทียนหัวเราะ “ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วแต่เจ้ากลับโยนทิ้งมันอย่างไม่ใยดี ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องรับกับผลที่ตามมาให้ได้! ส่วนเจ้าสหายน้อยจิตกร! ไหนเจ้าลองบอกข้ามาทีว่าเจ้าเป็นคนของสำนักไหนกันแน่ หากสำนักของเจ้าใหญ่พอข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ อ๋อ ข้าขอพูดเผื่อเอาไว้ก่อนว่าถ้าหากข้าปล่อยเจ้าไปจริง ๆ เจ้าก็ควรไปแต่ตัวไม่ควรนำสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าตั้งแต่แรกติดตัวไปด้วย ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจความหมายที่ข้าพูดจริงไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าไม่เข้าใจความหมายที่เจ้าพูดเลยสักนิดและข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะบอกเจ้าด้วยว่าข้าเป็นใครมาจากไหน เอาล่ะอย่าพูดอะไรให้มันยืดยาวมากไปกว่านี้อีกเลย เจ้าวางแผนจะทำอะไรไว้ก็รีบ ๆ ทำสักที”
“คนหนุ่มนี่ช่างใจร้อนซะจริง ๆ! ถ้าอย่างนั้นข้าไม่พูดอะไรต่อแล้วก็ได้!” เผิงติงเทียนหัวเราะ
ก่อนหน้านี้เผิงติงเทียนได้ส่งคนออกไปสืบหาข่าวที่อาณาเขตรอบ ๆ เกี่ยวกับตัวตนของหลิงตู้ฉิงแล้ว ซึ่งไม่มีใครได้ความคืบหน้าอะไรเลยเขาจึงเดาว่า หลิงตู้ฉิงน่าจะเป็นคนที่มาจากอาณาเขตที่ห่างไกลมาก ๆ ดังนั้นต่อให้หลิงตู้ฉิงจะเป็นคนของสำนักใหญ่จริง แต่ด้วยระยะทางที่ไกลมาก ๆ หากเขาฆ่าหลิงตู้ฉิงตายไปและกว่าที่สำนักของหลิงตู้ฉิงจะรู้ก็คงอาจจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยหรือไม่ก็พันปี
ด้วยระยะเวลาที่นานขนาดนั้น หากเขาตั้งใจบ่มเพาะอยู่บนหอคอยเสียงสวรรค์ตลอดเวลา เขาก็คงมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับพวกสำนักใหญ่ข้างนอกใช่ไหม?
นี่คือความคิดของเผิงติงเทียน ผู้ที่ไม่เคยรู้เลยว่าโลกภายนอกนั้นมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขามากมายจนถึงขนาดที่ต่อให้เขามีเวลาบ่มเพาะสักแสนปี เขาก็ยังคงไม่อาจต่อกรกับสำนักมหาอำนาจได้อยู่ดี
ในอีกด้านหนึ่ง หลินหงเหวินพูดกับกงเจี้ยนฟานว่า “สหายกง วันนี้ข้าคงต้องขอร้องให้ท่านช่วยข้าสักหน่อยแล้ว!”
กงเจี้ยนฟานพยักหน้าตอบรับทันที “ไม่ต้องกังวล ตอนนี้พวกเราก็เหมือนเป็นญาติกันไปแล้ว ดังนั้นข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทหารเมืองหนานหัวที่กำลังมาสมทบและค่ายกลป้องกันของตระกูลท่านยังคงใช้ไม่ได้อยู่แบบนี้ ข้าเกรงว่าพวกเราคงจะต้องสูญเสียกันหนักแน่นอน!”
เมื่อได้ยินกงเจี้ยนฟานเอ่ยถึงค่ายกลป้องกัน หลินหงเหวินก็อดไม่ได้ที่จะเบนสายตาไปจ้องเขม็งที่หลินซือหยวนและหลินหงตู่ พร้อมกับตวาดว่า “ซือหยวน หงตู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงไม่เปลี่ยนใจอะไรอีกแล้ว แต่ข้าอยากจะถามพวกเจ้าสักหน่อยว่าเป็นเพราะอะไรเจ้าถึงได้หักหลังข้าแบบนี้ มันมีสิ่งใดที่ทำให้พวกเจ้าไม่พอใจจนหันหลังให้กับตระกูลได้ถึงขนาดนี้กัน?”
หลินซือหยวนและหลินหงตู่ต่างไม่ตอบกลับอะไร พวกเขาเอาแต่แสดงสีหน้าเย้ยหยันใส่หลินหงเหวิน
ในทางกลับกัน เผิงติงเทียนกลับพูดแทรกว่า “เจ้าไม่ต้องเสียเวลาถามอะไรพวกเขาให้มันมากมายนัก พวกเขาเป็นคนของข้ามาตั้งนานแล้ว แต่เพื่อเห็นแก่พวกเขาที่เคยเป็นคนของตระกูลหลินมาก่อนข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าตระกูลหลินอีกสักครั้ง หากพวกเจ้าตระกูลหลินยอมไปจากเกาะหนานชานแต่โดยดี โดยทิ้งหลินหรูซวนไว้ที่นี่ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ตามราวีพวกเจ้า!”
ในระหว่างที่พวกเขาคุยกัน กองทัพของเมืองหนานหัวก็มาถึงพอดีและเริ่มใช้ค่ายกลรบเสริมความแข็งแกร่งของพวกเขา ซึ่งมันทำให้เท่ากับว่าทางฝั่งของเผิงติงเทียนมีตัวช่วยที่มีอำนาจเท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอีก1!
หลินหงเหวินตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “อย่าเพิ่งได้ใจไป เจ้ายังไม่ทันได้รบกับพวกข้าสักหน่อย ดังนั้นอย่าคิดว่าพวกข้าจะยอมเจ้าง่ายขนาดนั้น สหายกงเดี๋ยวท่านกับข้าพวกเรามาร่วมมือกันรับมือกับกองทัพของเมืองหนานหัว ส่วนคนอื่น ๆ พวกเจ้าจงแยกกันไปรับมือกับผู้เชี่ยวชาญฝั่งตรงข้ามและจงจำเอาไว้ให้ดีว่าถ้าพวกเราแพ้ศึกครั้งนี้ มันจะหมายความว่าบ้านของพวกเราจะถูกชิงไปและทุกคนจะหมดสิทธิ์เข้าถึงหอคอยเสียงสวรรค์ไปตลอดกาล!”
กงเจี้ยนฟานขมวดคิ้วและถามกลับ “สหายหลิน แล้วเผิงติงเทียนล่ะ?”
ด้วยอำนาจของพวกเขาสองคนร่วมมือกัน กงเจี้ยนฟานมั่นใจอยู่หลายส่วนว่าน่าจะสามารถรับมือกับค่ายกลรบของกองทัพเมืองหนานหัวไหว
แต่เผิงติงเทียนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงล่ะ? ไอลีนโนเวล
ใครจะรับหน้าที่รับมือกับเขากัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)