ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญที่หลุดแนวป้องกันมาได้นั้นรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ เพราะถ้าหากเขาสามารถจับตัวหลินหรูซวนเอาไว้ได้ มันก็หมายความว่าเขาได้ทำผลงานใหญ่ให้กับเผิงติงเทียน ซึ่งหลังจากนี้เขาคงจะได้รับรางวัลเป็นอย่างงามแน่นอน!
แต่แล้วฝันของเขาก็ดับลงแทบจะในทันทีเมื่อเขาพุ่งตัวเข้ามาอยู่ในระยะ 10 เมตรห่างจากหลินหรูซวนและหลิงตู้ฉิง เพราะจู่ ๆ ก็มีเปลวไฟปริศนาลุกท่วมร่างของเขาส่งผลให้ร่างของเขากลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตา!
บรรดาผู้คนที่เห็นภาพนี้ต่างก็หยุดชะงักด้วยอาการตกตะลึง เนื่องจากว่าพวกเขาไม่เห็นเลยว่าหลิงตู้ฉิงลงมืออย่างไร หรือแม้กระทั่งหลินหรูซวนที่อยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงแท้ ๆ นางก็ไม่เห็นเหมือนกัน!
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ จากนั้นเขาหยิบยันต์เคลือบหยกออกมาปึกหนึ่งและยื่นมันให้กับหลินหรูซวน และพูดว่า “นังหนู จงเอาภาพวาดเหล่านี้ไปและจงใช้มันฆ่าใครก็ตามที่เจ้าอยากให้คนผู้นั้นตาย”
“รับทราบ!” หลินหรูซวนรีบรับยันต์เคลือบหยกมาจากหลิงตู้ฉิง และจากนั้นนางก็ดึงมันออกจากปึกมาแผ่นหนึ่งและเริ่มโคจรพลังวิญญาณของนางเปิดใช้งานมันทันที
ภาพวาดที่นางได้รับมาทั้งหมดนั้นคือฝนอุกกาบาต ซึ่งเมื่อมันถูกเปิดใช้งานแล้ว อุกกาบาตเพลิงเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 เมตรก็ปรากฏขึ้นลอยนิ่งอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะหนานชาน
หลิงตู้ฉิงชี้แนะนางอีกที “จงเพ่งจิตของเจ้าไปที่เป้าหมายแล้วพวกอุกกาบาตเหล่านั้นจะพุ่งไปหาเป้าที่เจ้าต้องการจะทำลายเอง”
“อืม!” หลินหรูซวนพยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หลินหรูซวนกวาดสายตามองหาคนที่นางอยากจะสังหารเป็นคนแรกทันที ซึ่งหลังจากกวาดสายตาเพียงแค่ชั่วครู่นางก็ได้เห็นว่าตอนนี้พ่อของนางกำลังสู้อยู่กับผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง นางจึงเพ่งจิตของนางสั่งให้อุกกาบาตโจมตีผู้เชี่ยวชาญที่กำลังสู้กับพ่อของนางทันที
เมื่อได้รับคำสั่งของนาง อุกกาบาตเพลิงที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าก็พุ่งเข้าไปหาเป้าหมายของมันด้วยความเร็วระดับที่ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญไม่มีวันหลบได้ทัน และแน่นอนว่าเมื่อมันกระทบเป้าหมาย ร่างของผู้เชี่ยวชาญผู้โชคร้ายผู้นั้นก็ระเบิดเป็นจุณไปในทันที
บรรดาผู้คนที่อยู่ฝั่งเดียวกับเผิงติงเทียน เมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองเช่นนี้ต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และเมื่อพวกเขาเห็นอีกว่าหลินหรูซวนกำลังหยิบภาพวาดอันต่อไปขึ้นมา พวกเขาก็หมดกำลังใจที่จะสู้ต่อและเริ่มถอนตัวออกจากไปเกาะหนานชานไปเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าภาพวาดอุกกาบาตนี้ไม่มีอำนาจพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญขึ้นไปได้ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ต่างอยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญหรือไม่ก็เหนือล้ำกันทั้งนั้น
ดังนั้นเมื่อเจอกับพลังระดับนี้ พวกเขาจะรั้งอยูที่นี่รนหาที่ตายไปทำไม?
และยิ่งไปกว่านั้นระดับการบ่มเพาะของเผิงติงเทียนนั้นอยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นเท่านั้น แต่หลินจ้านเผิงนั้นอยู่ในขั้นสูงสุด
หลินจ้านเผิงนั้นรู้ดีว่าหลังจากศึกนี้เขาจะต้องตายแน่นอน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะลากเผิงติงเทียนลงนรกไปกับเขาให้ได้
ในทางกลับกัน เผิงติงเทียนก็ไม่ได้โง่ ตั้งแต่แรกเริ่มที่สู้เผิงติงเทียนเอาแต่บินหลบไปหลบมาตลอดเวลาเพื่อถ่วงเวลาให้พลังชีวิตของหลินจ้านเผิงหมดลง แต่น่าเสียดายที่หลังจากสู้ไปได้พักใหญ่ หลิงจ้านเผิงก็ยังไม่ตายสักที แต่สถานการณ์ทางฝั่งของเขาเองกลับแย่ลงเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เผิงติงเทียนจึงตัดใจตะโกนว่า “พวกเจ้าคอยก่อนเถอะอีกไม่กี่วันข้าจะกลับมาที่นี่ใหม่อีกรอบ! ทุกคนถอยกลับไปที่เมืองหนานหัวของข้า!”
เมื่อได้รับคำสั่ง บรรดาผู้คนที่มากับเผิงติงเทียนทุกคนต่างก็ผละออกจากการต่อสู้และบินถอยกลับไปในทันที ซึ่งแน่นอนว่าในบรรดาผู้คนที่ถอยกลับไปก็รวมไปถึงหลินซือหยวนและหลินหงตู่ที่ตามกลับไปด้วยเช่นกัน
หลินจ้านเผิงอยากจะติดตามไปฆ่าเผิงติงเทียนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาคิดว่าเวลาของเขาไม่น่าจะพอ ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่มองเผิงติงเทียนจากไปด้วยสายตาอาฆาต
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นว่าเผิงติงเทียนและคนอื่น ๆ ได้จากไปแล้ว เขาจึงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และโทรจิตบอกกับหลินซือหยวนว่า “เจ้าจงเปิดใช้งานภาพวาดที่ข้ามอบให้เจ้าได้แล้ว!”
เมื่อได้รับคำสั่ง หลินซือหยวนรีบทำตามทันที ส่งผลให้ยันต์เคลือบหยกในมือของเขาสลายออกและควันพิษที่ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รส ก็ฟุ้งกระจายออกไปปกคลุมทุกคนรอบข้างเขาแบบเงียบ ๆ ซึ่งไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าพวกเขากำลังจะพบกับจุดจบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)