บทที่ 852 ความรับผิดชอบต่อมนุษย์ – ตอนที่ต้องอ่านของ พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
ตอนนี้ของ พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 852 ความรับผิดชอบต่อมนุษย์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ในเมื่อหลิงตู้ฉิงไม่มีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์จะโจมตีเขาทันที
แต่ว่าในทันทีที่เจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนบุกเข้าไปในห้วงทะเลจิตสำนึก หลิงตู้ฉิงก็ใช้อำนาจจิตสำนึกของเขาที่เหนือล้ำกว่ามนุษย์แทบทุกคนไม่ว่าจะเป็นในโลกเบื้องล่างหรือโลกเบื้องบนบดขยี้จนสูญสลายไปในทันที
เมื่อเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนถูกกำจัดไป เจ้าของเจตจำนงตัวจริงที่อาศัยอยู่บนโลกเบื้องบนก็สัมผัสได้ทันที
“หืม? ถูกทำลายงั้นเหรอ?” บนโลกเบื้องบน ชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ในตำหนักแห่งมวลมนุษย์ขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง “น่าจะเป็นฝีมือของไอ้คนผู้นั้นแน่นอน ไม่งั้นที่โลกเบื้องล่างนั่นจะมีใครที่สามารถทำลายเจตจำนงของข้าได้?”
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเพราะเขาพอจะเดาได้ว่าที่คนผู้นั้นไปเยือนทำเนียบราชันมนุษย์น่าจะเป็นเพราะเรื่องเกี่ยวกับลูกชายของเขา และคงอีกไม่นานที่ลูกชายของเขาจะได้ขึ้นมาอยู่บนโลกเบื้องบนตามเดิม
ตัดกลับมาที่ด้านของทำเนียบราชันมนุษย์ เหล่าผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างลุ้นดูฉากที่หลิงตู้ฉิงจะเจอดีเข้าให้
แต่แล้วหลังจากที่เจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนลงมือ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับนิ่งเงียบ…
หลิงตู้ฉิงยังคงอยู่ดีครบ 32 แต่เจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนกลับไม่ปรากฏขึ้นอีก ซึ่งสถานการณ์แบบนี้มันทำให้ทุก ๆ คนรู้สึกตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้น?
เจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนหายไปไหนแล้ว?
แล้วทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไอ้สารเลวผู้นี้เลย? หรือว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์ยอมรับให้เขากลายเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ของยุคนี้?
เท่าที่พวกเขารู้เหตุการณ์แบบนี้มันไม่เคยบังเกิดขึ้นเลยสักครั้ง ดังนั้นพวกเขาทุกคนที่ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงไม่กล้าที่บุ่มบ่ามทำอะไรต่อ
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าเย้ยหยัน จากนั้นเขาเดินไปนั่งที่บัลลังก์ทันที
จี้กงซวนมองเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ เพราะในเมื่อหลิงตู้ฉิงสามารถนั่งบนบัลลังก์ได้เช่นนี้ มันก็หมายความว่าหลิงตู้ฉิงได้กลายเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ของยุคนี้เรียบร้อยแล้ว เขาไม่อาจที่จะแสดงกิริยาไม่สุภาพต่อหลิงตู้ฉิงได้อีกต่อไป และทำได้เพียงแค่ทำหน้าที่รับใช้ให้ดีที่สุดเท่านั้น
บรรดาคนของทำเนียบราชันมนุษย์นั้นมีหน้าที่หลัก ๆ ก็คือเฟ้นหาผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ จากนั้นก็สนับสนุนพวกเขาและทำการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุดให้ขึ้นไปทำการทดสอบกับเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกคัดเลือกให้เป็นคนแรกที่ขึ้นไปรับการทดสอบจะมีโอกาสสูงกว่าคนอื่น ๆ ที่จะถูกรับเลือกให้กลายเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์คนต่อไป ดังนั้นจึงมีการแข่งขันสูงมากว่าใครจะมีคุณสมบัติพอที่จะได้ขึ้นมาทดสอบก่อน
แต่แล้วตอนนี้หลิงตู้ฉิงคล้ายกับใช้ช่องโหว่ของกฎที่มีอยู่ในทำเนียบราชันมนุษย์ลัดขึ้นมาทดสอบก่อน แถมยังได้รับเลือกอีกต่างหาก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ทำใจยอมรับไป
บรรดาผู้คนที่อยู่ที่ในท้องพระโรงต่างรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงนั่งลงบนบัลลังก์ พระราชวังทั้งหลังมีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ในทางกลับกันมันกลับไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกใด ๆ เลยว่าในตอนนี้ราชันแห่งมวลมนุษย์คนใหม่ได้รับเลือกแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ กลุ่มผู้คนก็ยิ่งรู้สึกงุนงงมากกว่าเดิมว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? และไม่แน่ใจว่าพวกเขาควรจะคุกเข่าลงดีไหม?
ในเวลาที่ทุกคนกำลังงุนงงและไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงต่อ ชายชราผู้หนึ่งซึ่งมีผมขาวเต็มหัวก็ปรากฏกายขึ้นที่ทางเข้าท้องพระโรง และพูดขึ้นเสียงดังว่า “พวกเจ้านี่มันน่าโดนทุบจริง ๆ ที่ไม่มีใครไปตามข้าสักคนให้มาร่วมดูการคัดเลือกราชันแห่งมวลมนุษย์ของพวกเรา! นี่พวกเจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหมไอ้เจ้าพวกเด็กเวร? ว่าแต่ไหนให้ข้าดูสักหน่อยว่าฝ่าบาทคนใหม่ของพวกเราเป็นใครกัน?”
แต่แล้วเมื่อฟู่เซียนมองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ สายตาของเขาก็แข็งค้างในทันทีด้วยอาการตกตะลึง เพราะเขาสามารถบอกได้เลยว่าชายผู้นี้ไม่ได้ถูกรับเลือกให้เป็นราชันแห่งมวลมนุษย์!
ถึงแม้ว่าฟู่เซียนจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงตอนนี้อยู่แค่เพียงระดับหลุดพ้นสามัญขั้นสูงสุด แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินและทำตัวไม่สุภาพกับหลิงตู้ฉิงแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าตัวตนระดับหลิงตู้ฉิงนั้นไม่อาจวัดความแข็งแกร่งได้ด้วยระดับการบ่มเพาะและเหตุผลอีกอย่างที่สำคัญที่เขาอยากจะให้หลิงตู้ฉิงไปคุยกับเขาในที่ลับ ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ รู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร ไม่เช่นนั้นทำเนียบราชันมนุษย์จะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นขโยง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “ข้าเพิ่งจะนั่งเอง ข้าขี้เกียจลุกเอาเป็นว่าคุยกันตรงนี้นี่แหละ”
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็ส่งเสียงไปที่ดวงวิญญาณของฟู่เซียนว่า “เจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนเพิ่งถูกข้าทำลายไป หากข้าลุกออกไปตอนนี้พวกเราจะยิ่งถูกสงสัยมากไปกันใหญ่!”
ฟู่เซียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกตะลึง และจากนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็นมืดหม่นลง
ฟู่เซียนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจนใจ จากนั้นเขาจึงและหันไปพูดกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในท้องพระโรงด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเจ้าทุกคนถอยออกไปก่อน ข้าจำเป็นต้องคุยธุระกับองค์เหนือหัวเป็นการส่วนตัว!”
กลุ่มผู้คนเมื่อได้ยินคำสั่งของฟู่เซียนเช่นนี้ พวกเขาก็จำใจถอยร่นออกไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
เมื่อเห็นว่าคนของเขาถอยไปกันจนหมดแล้ว ฟู่เซียนจึงสร้างม่านพลังแยกเขากับหลิงตู้ฉิงออกจากโลกภายนอกเพื่อที่จะคุยกันได้อย่างสะดวก
“เอาล่ะ ตอนนี้ท่านคุยกับข้ามาได้เลย” ฟู่เซียนถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่อยากจะให้ข้านั่งอยู่บนบัลลังก์นี้นาน ๆ สินะ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
ฟู่เซียนส่ายหัว “ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถนั่งบนบัลลังก์นี้ได้ทั้งนั้นหากมีคุณสมบัติเพียงพอ ส่วนไอ้เรื่องจำเป็นต้องมีสายเลือดของราชันแห่งมวลมนุษย์อะไรนั่นมันเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ ขอแค่ผู้ครองบัลลังก์มีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวที่พร้อมจะแบกรับความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของเผ่ามนุษย์เอาไว้ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา ซึ่งท่านเองในอดีตก็ปฏิเสธความรับผิดชอบนั้นไปแล้วรอบหนึ่ง ดังนั้นข้าจึงไม่เข้าใจว่าในตอนนี้ท่านกำลังพยายามจะทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)