“ข้าบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วไงว่าข้าไม่ได้สนใจอะไรกับบัลลังก์นี้” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ที่ข้ามาที่นี่เป็นเพราะลูกชายของข้าต่างหาก!”
ฟู่เซียนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าหากท่านไม่ต้องการบัลลังก์นี้ท่านก็ลุกขึ้นมาสักที!”
หลิงตู้ฉิงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าเป็นคนบอกเองว่าใครจะนั่งบนบัลลังก์นี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอไง? ดังนั้นตอนนี้ข้าจะนั่งมันก่อนและเลิกเซ้าซี้ข้าเรื่องนี้ได้แล้ว และฟังให้ดี ๆ ว่าเหตุผลที่ข้ามาที่นี่วันนี้มันเพราะอะไร!”
“ถ้างั้นเพราะอะไรกันที่ท่านมาที่นี่?” ฟู่เซียนถามกลับ
“เหตุผลที่ข้ามาที่นี่เพราะข้าต้องการให้ลูกชายของข้าได้ครองบัลลังก์นี้!” หลิงตู้ฉิงพูดเข้าประเด็นทันที “ข้าไม่สนใจกฎยิบย่อยต่าง ๆ นานาที่พวกเจ้ามีมาตั้งแต่บรรพกาล ไม่ว่าจะยังไงลูกชายของข้าต้องได้กลายเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ของยุคนี้!”
ฟู่เซียนขมวดคิ้ว “ในอดีตท่านปฏิเสธไม่ยอมเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ พอในมาวันนี้ท่านกลับจะมาแทรกแซงขนบธรรมเนียมของพวกเราอีกงั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าท่านจะยิ่งใหญ่คับฟ้า แต่การที่ท่านจู่ ๆ ก็มาลบล้างขนบธรรมเนียมของพวกเราที่มีมานับล้านปีแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยรึเปล่า?”
“หรือว่าท่านไม่มั่นใจในตัวลูกชายของท่าน ท่านเลยต้องทำแบบนี้? แต่ก็ไม่เป็นไรเห็นแก่หน้าของท่านเดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าทั้งหมดสนับสนุนลูกชายของท่านเอง ซึ่งการทำแบบนี้มันจะไม่ถือว่าผิดกฎและลูกชายของท่านจะมีโอกาสสูงที่สุดที่จะได้รับเลือกเป็นราชันแห่งมว…ไม่สิ ตอนนี้เจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนถูกทำลายไปแล้ว…แล้วแบบนี้จะคัดเลือกต่อได้ยังไง!?”
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่ฟู่เซียน และพูดว่า “ก็เพราะว่าเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนถูกทำลายไปแล้วข้าถึงต้องบังคับให้เจ้าประกาศให้ลูกชายของข้าได้เป็นราชันแห่งมวลมนุษย์โดยไม่ต้องมีการคัดเลือกยังไงล่ะ! และเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ดีว่าลูกชายของข้ามีคุณสมบัติแค่ไหน ข้ายืนยันกับเจ้าได้ว่านอกจากเขาแล้วไม่มีใครที่เหมาะสมมากไปกว่าแน่นอน”
ฟู่เซียนขมวดคิ้ว “งั้นท่านช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมเกี่ยวกับลูกชายของท่าน? ไม่สิบุตรบุญธรรมของท่าน?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและค่อย ๆ อธิบาย “หากพุดถึงสายเลือดของเขา เขาคือผู้ที่มาจากโลกเบื้องบน ซึ่งเขาก็คือลูกชายแท้ ๆ ของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนของเจ้านั่นแหละ! ดังนั้นถ้าจะว่ากันตามลำดับสายเลือดมันก็นับได้ว่าเขาเป็นบรรพบุรุษน้อยของเจ้า เอาแค่ประเด็นสายเลือดเพียงอย่างเดียวเขาก็เหมาะที่จะเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์มากที่สุดในยุคนี้”
“ส่วนเรื่องของความแข็งแกร่ง ถึงแม้ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาจะไม่สูงนัก แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเพราะเขาไร้ความสามารถ แต่มันเป็นเพราะเขาบ่มเพาะในวิถีเต๋าที่แตกต่างออกไป ซึ่งมันเหนือล้ำกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้มากนัก และในท้ายที่สุดเขาจะเหนือว่าราชันแห่งมวลมนุษย์ที่แล้ว ๆ มาที่เจ้าเคยรู้จัก!”
“ถัดมาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอาณาจักร แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีอาณาเขตอยู่ในการปกครองอยู่ไม่กี่อาณาเขต แต่เขาก็มีกลุ่มกองกำลังมากมายที่พร้อมจะสนับสนุนเขาซึ่งได้แก่ ภูเขาฟีนิกซ์ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ สันเขาทรราช ตำหนักเทพโชคลาภ ป่าภูตนางฟ้า เผ่าภูตดิน สำนักเต๋าสวรรค์ ตำหนักมังกร ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนและยังมีกองกำลังระดับต่ำอีกจำนวนมากมาย ซึ่งถ้ารวมกันแล้วข้ามั่นใจว่าความแข็งแกร่งในด้านกำลังรบของลูกชายข้าย่อมไม่มีทางด้อยไปกว่าขั้วอำนาจไหนแน่นอน”
“อ๋อ! ที่สำคัญในตอนนี้ที่อาณาจักรจันทราของลูกชายข้าได้มีผู้ที่สืบทอดมรดกของสำนักโอสถนิรันดร์และตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ด้วย และพวกเขาก็ได้เข้าร่วมกับลูกชายของข้าเรียบร้อยแล้ว และด้วยการสนับสนุนของตำหนักเทพโชคลาภ ข้ามั่นใจว่าในอนาคตอาณาจักรจันทราของลูกชายข้าจะร่ำรวยไม่น้อยหน้าใครแน่นอน”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หลิงตู้ฉิงหยุดครู่หนึ่งให้ฟู่เซียนได้คิดตาม จากนั้นเขาพูดต่อว่า “อันที่จริงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่ข้าพูดให้เจ้าฟังนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเพื่อให้เจ้าและคนอื่น ๆ ทั่วไปรู้สึกสบายใจขึ้นก็แค่นั้น เพราะอันที่จริงแล้วต่อให้ไม่มีสิ่งเหล่านี้แต่ด้วยการสนับสนุนของข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่มีใครสามารถเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ได้อยู่ดีนอกจากลูกชายของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
ฟู่เซียนสูดหายใจลึกเพราะความตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งต่าง ๆ มากมายที่อาณาจักรจันทรามีอยู่
แน่นอนว่าด้วยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่อาณาจักรจันทรามี หลิงยี่เทียนย่อมมีคุณสมบัติเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ได้อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)