ผลลัพธ์ที่ได้จากการตกลงกันในตอนท้ายคือ ฉินหวง และ เจียงหวง ยังคงจะดำเนินแผนการขยายอาณาเขตของพวกเขาเองต่อไปโดยทำในนามของหลิงยี่เทียน
ในทางกลับกัน ซ่งว่านหลุน ซึ่งไม่ได้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ เขายอมที่จะสละอาณาเขตที่เขายึดได้ทั้งหมด แต่มีข้อแม้ว่าหลิงยี่เทียนจะต้องคอยส่งทรัพยากรต่าง ๆ ที่ได้จากอาณาเขตที่เขาสละให้มามอบให้กับเขา เพื่อที่เขาจะได้นำพวกมันมาบ่มเพาะตัวเขาเอง
ฟู่เซียน เมื่อเห็นว่าผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ทั้งสี่ตกลงกันได้ด้วยดีแบบนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในตอนแรกเขากังวลเป็นอย่างมากว่า ฉินหวงและคนอื่น ๆ จะไม่ยอมถอยให้กับหลิงยี่เทียน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนั้นหลิงตู้ฉิงจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่างที่มันรุนแรงแน่นอน แถมเขายังไม่สามารถขัดขวางได้อีกต่างหาก
แต่ถึงแม้ว่าผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ทั้งสี่จะตกลงกันได้ด้วยดีแล้ว ปัญหาอีกรูปแบบหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของเขา เพราะพิธีการถัดมาคือพิธีการส่งตัวหลิงยี่เทียนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์
แต่ว่าในตอนนี้บัลลังก์ดันมีใครบางคนนั่งอยู่เรียบร้อยแล้ว!
ฟู่เซียนเหล่มองไปที่หลิงตู้ฉิง พลางคิดในใจว่า ‘ในเมื่อเจ้าทำลายเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อน เมื่อถึงเวลาข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะแก้ปัญหายังไง เมื่อถึงตอนที่ลูกชายของเจ้าขึ้นไปนั่งบัลลังก์ แต่กลับไม่มีเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนมาอวยพรให้เขา!’
จากนั้นฟู่เซียนขมวดคิ้วด้วยความลังเลว่าเขาควรจะประกาศให้หลิงยี่เทียนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เลยดีไหมหรือว่าจะทำยังไงต่อดี?
ทางด้านหลิงยี่เทียนก็มองไปที่พ่อของเขาเช่นกัน เพื่อพยายามส่งสายตาว่าเขาควรจะทำยังไงต่อ?
หลิงตู้ฉิง ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์เขายิ้มให้กับทุกคนและพูดว่า “กระดานหมากล้อมนี้นับได้ว่าเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเหล่ามวลมนุษย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อให้คนรุ่นต่อ ๆ ไปสามารถเข้ามาศึกษามันได้ ข้าจะใช้อำนาจของข้าผนึกมันไว้ที่นี่ตลอดกาลและมันจะไม่มีวันถูกลบเลือนได้โดยใครทั้งนั้น!”
ฟู่เซียนแสดงสีหน้าตื่นตระหนกทันที และรีบพูดแทรกขึ้นว่า “ท่านผู้แทนโปรดระวังอย่าให้ที่นี่พังทลาย!”
ฟู่เซียนรู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงมีวิธีการที่ทรงพลังมากมาย ซึ่งเขาแน่ใจว่าถ้าหลิงตู้ฉิงไม่ระวังในการใช้วิธีการเหล่านั้นให้ดีที่นี่จะถูกทำลายได้ง่าย ๆ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบกลับ “มรดกของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ที่เหลียนปู้ชิงมีอยู่ในตอนนี้มันก็เป็นข้าที่มอบให้กับเขา ดังนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะไม่มีความสามารถพอถึงขนาดทำให้ที่นี่ระเบิกเป็นเสี่ยง ๆ งั้นเหรอ? แต่เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของข้ายังคงต่ำอยู่ ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องยืมพลังของพระราชวังนี้สักหน่อย อ๋อ เจ้าอย่าได้มีความคิดที่จะช่วงชิงการควบคุมพลังของที่นี่ไปจากข้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้าหากที่นี่ทลายลงจนเหลือแต่ซาก”
เมื่อเตือนเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็ดึงพลังของพระราชวังมาเกื้อหนุนระดับการบ่มเพาะของเขาจนพุ่งไปเหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดภายในพริบตา
แน่นอนว่าถ้าเป็นคนอื่นร่างคงจะระเบิดไปแล้วหากมีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเติมเข้ามาในร่างกายอย่างฉับพลันแบบนี้ แต่สำหรับหลิงตู้ฉิง ซึ่งมีพื้นฐานการบ่มเพาะระดับ 15 นั้นเขาไม่มีปัญหาเลยเพราะในร่างกายของเขาตอนนี้มันเป็นเหมือนหลุมดำที่สามารถรอบรับพลังวิญญาณได้อย่างไม่อั้น
ผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างมองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าพลังของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มันเหนือกว่าทุกขอบเขตพลังที่ควรมีอยู่บนโลกนี้
ในเวลาเดียวกับที่พวกเขาตกตะลึง พวกเขาก็บังเกิดความรู้สึกดีใจไปด้วยพร้อม ๆ กันเพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาโชคดีเป็นอย่างมากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ลงมือทำอะไรกับหลิงตู้ฉิง ไม่เช่นนั้นจุดจบของพวกเขาคงไม่สวยอย่างแน่นอน
ในเวลาต่อมา ทุกคนก็ได้เป็นประจักษ์พยานของการหลอมรวมกันระหว่างกระดานหมากล้อมและพระราชวังของทำเนียบราชันมนุษย์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)