บรรดาผู้คนที่ติดตามถังชี่หยุนต่างหวังเป็นอย่างมากว่านางจะได้กลายเป็นมหาปราชญ์
แต่แล้วในตอนนี้จู่ ๆ นางกลับหันหลังกลับซะอย่างนั้น ซึ่งมันทำให้พวกเขาหลายคนต่างรู้สึกลังเลว่าจะตามนางต่อไปดีไหม?
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เหล่าผู้คนที่แสดงสีหน้าลังเล จากนั้นเขาส่ายหัวและพาลูก ๆ ของเขาเดินตามถังชี่หยุนต่อไป
ส่วนพวกศิษย์ของถังชี่หยุนทั้งหลาย บางส่วนก็ตามนางต่อไปด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แต่บางส่วนกลับแสดงสีหน้าลังเล และเมื่อพวกเขาทนไม่ไหวพวกเขาจึงตะโกนขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า “เหตุผลที่ข้าตามเจ้าก็เพราะข้าหวังว่าสักวันหนึ่งข้าจะบรรลุกลายเป็นปราชญ์ แต่ในเมื่อเจ้าถอดใจแบบน้ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแยกทางกับเจ้าตอนนี้เพื่อไปติดตามผู้ที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าเจ้า ยกตัวอย่างเช่น ปราชญ์จางจิงหง ซึ่งน่าจะมีความหวังที่จะได้ปราชญ์มากกว่าเจ้ามากนัก!”
เมื่อพูดจบ หลายคนก็แยกตัวเดินลึกเข้าไปในทะเลแห่งความรู้ แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นไม่ทันคิดก็คือทะเลแห่งความรู้นั้นไร้จุดจบและกว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้นพวกเขาจะตามหาปราชญ์คนอื่นได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?
ดังนั้นชะตากรรมของพวกเขาส่วนใหญ่จึงจบที่การหลงทางอยู่ด้านใน หรือจนกว่าพวกเขาจะตัดสินใจเดินย้อนกลับทางเดิม
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ถังชี่หยุนก็เดินกลับมาถึงชายฝั่งอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้เมื่อมาถึงฝั่งทุก ๆ คนกลับไม่เห็นคนอื่น ๆ ที่ตั้งค่ายพักรอพวกเขาอยู่ในตอนแรกแม้แต่คนเดียว
“พวกเขาหายไปไหนกันหมด?” ใครบางคนอุทานขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราได้มาถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนี้คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกตกตะลึงในทันที
นี่คืออีกฝั่งหนึ่งของทะเลแห่งความรู้ที่ทุกคนต้องข้ามมาถึงงั้นเหรอ?
ทุก ๆ คนต่างมองสำรวจภูมิประเทศรอบ ๆ ทันที ซึ่งพวกเขาก็เห็นว่าไม่ไกลมากนักมีภูเขาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่และรอบ ๆ ภูเขามีเส้นทางหลายสายที่สามารถใช้เป็นเส้นทางขึ้นไปสู่ยอดเขาและทุกเส้นทางนั้นจะมีรูปปั้นจำนวนมากถูกตั้งเรียงรายขนาบ 2 ไหล่ทางอยู่เรื่อย ๆ
“พวกเราต้องขึ้นไปบนยอดเขา!” หลิงตู้ฉิงเตือนคนอื่น ๆ
ถังชี่หยุนพยักหน้า จากนั้นนางจึงเดินนำทุก ๆ คนมุ่งหน้าไปยังเส้นทางขึ้นยอดเขา ซึ่งเป็นบันไดหิน
เมื่อเดินขึ้นไปได้ไม่กี่ขั้น ถังชี่หยุนก็หยุดตรงหน้ารูปปั้นแรกของเส้นทางนี้
ดวงตาของรูปปั้นเปิดออกทันทีเมื่อถังชี่หยุนหยุดอยู่ตรงหน้ามัน จากนั้นมันคุยกับนางด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
ทางด้านของถังชี่หยุนก็เปิดหนังสือของนางออกและอ่านสิ่งที่อยู่ในหนังสือให้กับรูปปั้นฟัง พร้อมกันนั้นนางก็จดทุกคำพูดของรูปปั้นลงไปด้วย
“ท่านพ่อ ครูถังนางกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” หลิงฟ่างหัวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
พวกเขาทุกคนต่างเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ถังชี่หยุนกำลังคุยอยู่กับรูปปั้น แต่ว่าพวกเขาทุกคนต่างไม่ได้ยินบทสนทนาเลยแม้แต่คำเดียว ดังนั้นด้วยความสงสัย หลิงฟ่างหัวจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและอธิบายว่า “พวกเขากำลังเรียนรู้กันอยู่! รูปปั้นหินทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้คือเจตจำนงที่มหาปราชญ์รุ่นก่อน ๆ ได้ทิ้งเอาไว้”
“ครูถังในตอนนี้กำลังอธิบายหลักการของนางกับเจตจำนงของมหาปราชญ์รุ่นก่อนอยู่ และในเวลาเดียวกันนางก็กำลังเรียนรู้คำสอนของมหาปราชญ์รุ่นก่อนเช่นกันเพื่อเอามาพัฒนาความรู้ของนางเอง ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมากและไม่อาจที่จะถูกใครรบกวนได้ และโดยปกติรอบ ๆ ภูเขานี้จะมีการปะทะกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้น”
“ท่านพ่อ ถ้างั้นหากฝั่งตรงข้ามเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขึ้นไป มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถใช้เจตจำนงของพวกเขามารบกวนแม่ของข้าได้อย่างง่ายดายเลยงั้นเหรอ?” หมิงจู้ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถขัดขวางขั้นตอนนี้ได้ก็คือแม่ของเจ้าจะต้องถูกรบกวนโดยการสัมผัสโดยตรงเท่านั้น หากเป็นเจตจำนง พลังแห่งกฎ พลังวิญญาณ หรือเศษเสี้ยวของจิตสำนึกหรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่การสัมผัสโดยตรงมารบกวน มันจะไม่มีผลอะไรเลย แถมผู้ที่ใช้วิธีเหล่านั้นกลับจะต้องโดนผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจากเจตจำนงของมหาปราชญ์รุ่นก่อนอีกต่างหาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)