เฉกเช่นเดียวกับสันเขาหมื่นอสูร หลาย ๆ กองกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกเมื่อพวกเขาได้รับข่าวตัวตนที่แท้จริงของหลิงตู้ฉิง
กองกำลังเหล่านี้ที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนกนั้นมีสถานภาพคล้ายกับสำนักวายุคลั่ง ซึ่งก็คือพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเผ่าอสูร
พวกเขาทั้งหลายต่างเริ่มร้องขอความช่วยเหลือไปต่อเผ่าอสูร แต่เผ่าอสูรในขณะนี้ก็กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนกเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากหนี หรือไม่ก็ยุบสำนัก หรือไม่ก็ย้ายคนของพวกเขาทั้งหมดไปอยู่ที่สันเขาทรราช
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ หนานกงซ่งหยวนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อเขาได้รู้ข่าวว่าแท้จริงแล้วหลิงตู้ฉิงเป็นใครกันแน่
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อในอดีตตอนที่เขาได้พบกับหลิงตู้ฉิง และในตอนท้ายหลานของเขากลับได้เป็นศิษย์ในนามของหลิงตู้ฉิง
หนานกงซ่งหยวนขมวดคิ้วแน่น จากนั้นเขาเดินไปหาหนานกงหลิง ซึ่งกำลังบ่มเพาะอยู่ จากนั้นเขาจึงอธิบายตัวตนของหลิงตู้ฉิงว่าแท้จริงแล้วเป็นใครให้กับหลานของเขาได้รู้ จากนั้นเขาพูดว่า “อาจารย์ของเจ้ากับตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของเราเคยมีความบาดหมางที่ฝังลึกกันมาก่อน ซึ่งตอนนี้ยังโชคดีที่ยังมีคนไม่มากนักที่รู้ว่าเจ้าเป็นศิษย์ของเขา แต่เรื่องนี้มันคงปิดไม่ได้นานนักหรอกสักวันหนึ่งจะต้องมีคนรู้แน่นอน ดังนั้นเจ้าควรจะรีบคิดตั้งแต่ตอนนี้ว่าเมื่อถึงเวลาเจ้าควรจะทำยังไงต่อ”
หนานกงหลิงครุ่นคิดสักพักและตอบว่า “อาจารย์ของหลานเคยพูดเอาไว้ว่าตราบใดที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่ไประรานเขา เขาก็จะไม่มายุ่มย่ามอะไรกับเรา ซึ่งจากที่ข้าเข้าใจ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของเราคงไม่มีใครโง่พอที่จะไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับท่านอาจารย์ของข้าจริงไหมท่านปู่?”
หนานกงซ่งหยวนถอนหายใจและพูดขึ้น “หากเป็นบรรดาคนรุ่นหลังคงไม่มีใครกล้าแน่ แต่สำหรับบรรพบุรุษเฒ่าบางคนที่มีนิสัยหุนหันพลันแล่นมันก็ไม่แน่เหมือนกัน”
หนานกงหลิง เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน ท่านปู่ข้าคงต้องออกไปจากสำนักสักพัก!”
“เจ้าเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์(ขอบเขตสวรรค์ระดับ 8) หากเกิดเรื่องขึ้นจริงเจ้าเองก็ไม่มีความแข็งแกร่งพอจะแทรกแซงได้หรอก” หนานกงซ่งหยวนหัวเราะอย่างขมขื่น “ว่าแต่เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้ากำลังจะเดินทางไปที่อาณาจักรจันทราตอนนี้?”
หนานกงหลิงส่ายหัว “ท่านปู่ข้าไม่ได้จะไปที่อาณาจักรจันทรา ระดับการบ่มเพาะของข้าอยู่ในระดับเท่านี้ข้าไม่มีหน้าพอไปพบกับท่านอาจารย์หรอก เหตุผลที่ข้าอยากจะจากไปนั้นเป็นเพราะข้าต้องการออกไปหาประสบการณ์เพิ่มเติมเพื่อให้ข้าทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตราชันให้เร็วที่สุด เพราะข้ามั่นใจว่าถ้าหากข้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแล้วอย่างน้อย ๆ ทุกคนคงจะฟังข้าบ้าง”
อันที่จริงหนานกงหลิงวางแผนมานานแล้วว่าเขาจะไปที่ตำหนักเซียนมืดเพื่อบ่มเพาะร่างธาตุมืดของเขา เพราะตอนนี้เขาบ่มเพาะร่างธาตุแสงสำเร็จแล้วเหลือเพียงก็แต่ร่างธาตุมืด ซึ่งต้องบ่มเพาะให้สำเร็จเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีวันทะลวงขอบเขตขึ้นไปยังขอบเขตราชันได้แน่นอน
แต่ความตั้งใจนี้ที่หนานกงหลิงจะไปที่ตำหนักเซียนมืดนั้นเขาเองไม่สามารถบอกใครได้เช่นกัน เพราะถ้าหากคนอื่น ๆ รู้พวกเขาจะมองว่าเขาเป็นคนทรยศทันที ซึ่งแม้แต่ปู่ของเขาเองเขาก็ไม่กล้าบอก
หลังจากคุยกับหนานกงซ่งหยวน หลายวันต่อมาหนานกงหลิงก็เดินทางออกจากตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อมุ่งไปที่ตำหนักเซียนมืด
ส่วนทางด้านของตำหนักเทพยุทธ์
เมื่อกวนหลิงอู่กลับไปที่ตำหนักเทพยุทธ์ เขารีบเรียกคนของเขาทุกคนให้มารวมกันในทันที และประกาศเรื่องการล่มสลายของอาณาเขตเงินตรา ซึ่งคนในสำนักของเขาบางคนเมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็มีบางคนที่แสดงสีหน้าโล่งใจเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)