ที่ด้านในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน เย่เจียงไห่มองไปที่มู่เฉียนหลิง และพูดว่า “นับจากนี้ไปข้าจะมอบตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนให้เจ้าดูแล ส่วนเรื่องการบ่มเพาะถึงแม้ว่าระดับของเจ้าในเวลานี้จะยังคงต่ำอยู่ แต่ด้วยทรัพยากรต่าง ๆ ที่ข้าทิ้งเอาไว้ให้มันจะเพียงพอให้เจ้ากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าในยุคถัดไปแน่นอน”
มู่เฉียนหลิงคุกเข่าคำนับและตอบกลับทันที “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน ส่วนเรื่องความปลอดภัยของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าด้วยอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์นับสิบชิ้นที่อาจารย์ได้รับมามันคงเพียงพอปกป้องพวกเราได้แน่นอนในอนาคต หรือถ้าหากเข้าตาจนจริง ๆ ข้าจะส่งข่าวไปที่สำนักกระบี่เอกภพเพื่อขอให้คนทางนั้นมาช่วย หรือถ้ายังไม่พออีกข้าก็จะขอความช่วยเหลือไปทางอาณาจักรจันทรา!”
เย่เจียงไห่ส่ายหัว “เจ้าอย่าได้คาดหวังกับผู้อื่นมากเกินไป จุดสำคัญที่สุดก็คือเจ้าจะต้องอยู่รอดได้ด้วยลำแข้งของเจ้าเอง เจ้าต้องจำเรื่องนี้เอาไว้ให้ดีและตั้งใจบ่มเพาะให้ดีที่สุดเพื่อที่คนอื่น ๆ จะได้ไม่สามารถมารังแกเจ้าได้ง่าย ๆ”
“ข้าจะตั้งใจบ่มเพาะเพื่อตามท่านอาจารย์ขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนให้ได้!” มู่เฉียนหลิงพยักหน้า
“อืม ข้าจะรอพบเจ้าที่โลกเบื้องบน!” เย่เจียงไห่หัวเราะ “เอาล่ะ การไปอาณาจักรจันทราครั้งนี้เจ้าเองก็ตามข้าไปด้วย เพราะก่อนที่ข้าจะขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนข้าจะบรรยายเต๋าให้กับผู้คนฟัง ซึ่งเจ้าเองจำเป็นที่จะต้องฟังมันเช่นกัน”
“รับทราบ!” มู่เฉียนหลิงพยักหน้า จากนั้นนางตามเย่เจียงไห่เดินทางไปที่อาณาจักรจันทราด้วยประตูเคลื่อนย้ายพร้อมกับกลุ่มคนของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อเดินทางไปถึงอาณาจักรจันทรา กลุ่มของเย่เจียงไห่ก็เห็นว่าในขณะนี้อาณาจักรจันทรานั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจากหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็นสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ สำนักเต๋าสวรรค์ ภูเขาฟีนิกซ์ ตำหนักเทพยุทธ์และกองกำลังอื่น ๆ อีกมากมายที่ได้รับการชักชวนของหลิงตู้ฉิง เพื่อให้มาดูเย่เจียงไห่เดินทางขึ้นสู่โลกเบื้องบน
อันที่จริง เย่เจียงไห่เองก็ไม่อยากจะขึ้นสู่โลกเบื้องบนเร็วขนาดนี้เหมือนกัน แต่ในเมื่อเขาเองไม่มีโอกาสจะได้เป็นเจ้าเหนือหัวแห่งยุคและความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้หากยังอยู่โลกเบื้องล่างต่อไป ดังนั้นเขาจึงเหลือเพียงทางเลือกเดียว ซึ่งก็คือขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการเสียเวลาเปล่าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป
เย่เจียงไห่มองไปที่เหล่าผู้คนจำนวนมาก และเมื่อเขาเห็นเย่ชางคงกับมู่หลงหยาน เขาก็รีบเดินเข้าไปทักทันที “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามั่นใจว่าพวกท่านเองก็มีโอกาสที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนโลกเบื้องบนเช่นกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง พี่หนึ่งกับพี่สองก็เหมือนกัน พวกท่านเองถ้าหากตั้งใจบ่มเพาะทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!”
เย่ฉิงเฟิงและเย่เฟิงหลิวต่างยิ้มอย่างขมขื่น เพราะพวกเขารู้ดีว่าสิ่งต่าง ๆ มันคงไม่ง่ายเหมือนกับที่เย่เจียงไห่บอก ไม่เช่นนั้นมันคงมีคนสำเร็จเต๋าไปได้ตั้งนานแล้วจริงไหม?
ในทางกลับกัน เย่ชางคงและมู่หลงหยานต่างพยักหน้าและพูดว่า “อืมเจ้าขึ้นไปอยู่ข้างบนก่อนเลย พ่อกับแม่จะต้องตามเจ้าขึ้นไปแน่นอน”
เย่เจียงไห่หัวเราะ และลดเสียงพูดว่า “ถ้าให้ข้าแนะนำ พวกท่านควรที่จะมาหาลูกเขยของพวกท่านบ่อย ๆ ด้วยการช่วยเหลือของเขาข้ามั่นใจว่าพวกท่านจะยิ่งกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าเร็วขึ้นแน่นอน!”
เหตุผลที่เย่เจียงไห่มั่นใจเช่นนี้เป็นเพราะเขาได้เห็นสิ่งที่หลิงตู้ฉิงทำในอาณาเขตเงินตรา ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ทำไม่ได้
มู่หลงหยานหัวเราะ “แน่นอน!”
หลังจากทักทายพ่อแม่ของเขาเสร็จแล้ว เย่เจียงไห่ก็เดินไปทักทายกับสหายเก่าของเขาทีละคนเพื่อให้กำลังใจ ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการบอกลา
จากนั้นเมื่อมาถึงเย่ชิงเฉิง เย่เจียงไห่ยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่กังวลกับเจ้าเลยน้องเล็ก จากที่ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังของเจ้า ข้ามั่นใจว่าอีกไม่นานเจ้าคงจะตามข้าขึ้นไปแน่นอน และความสำเร็จของเจ้าในอนาคตจะต้องเหนือกว่าข้าแน่ ๆ และเมื่อถึงเวลานั้น หากข้ามีเรื่องอะไรเจ้าก็ช่วยเหลือข้าบ้างก็แล้วกัน!”
เย่ชิงเฉิงหัวเราะและตอบกลับ “ให้ข้าช่วยท่านก็ได้ แต่ข้าไม่ช่วยท่านเปล่า ๆ หรอกนะ!”
“โธ่น้องเล็ก เจ้าอย่าหน้าเลือดนักเลย!” เย่เจียงไห่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)