พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 91

สรุปบท บทที่ 91 โด่งดัง[รีไรท์]: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

สรุปตอน บทที่ 91 โด่งดัง[รีไรท์] – จากเรื่อง พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet

ตอน บทที่ 91 โด่งดัง[รีไรท์] ของนิยายActionเรื่องดัง พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 91 โด่งดัง[รีไรท์]

บทที่ 91 โด่งดัง[รีไรท์]

“รอเดี๋ยวก่อน ท่านหลิง!” หยิงหวูเจี้ยงตะโกนอย่างกระวนกระวาย “แม้ว่าหลิงยู่ชานจะไม่สามารถแข่งขันได้อีกต่อไป แต่ข้ารู้สึกว่าเขาควรที่จะได้เป็นที่หนึ่งในเทศกาลบูชาเพลิง ข้าคิดว่าคงไม่มีใครคัดค้านประเด็นนี้ ดังนั้นรางวัลที่หนึ่งของเทศกาลบูชาเพลิงข้าจะมอบมันให้เป็นของลูกของท่าน หลิงยู่ชาน!”

“ไม่จำเป็น ในเมื่อเขาไม่สามารถเข้าร่วมการประลองต่อไปได้เขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับรางวัลใด ๆ” หลิงตู้ฉิงหันกลับมาและจากไป

เมื่อดูกลุ่มของหลิงตู้ฉิงค่อย ๆ จากไป หยิงหวูเจี้ยงรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก รางวัลที่เขาอุตส่าห์เตรียมมาเป็นพิเศษ กลับถูกปฎิเสธง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ?

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน หลิงตู้ฉิงได้นำกลุ่มคนของเขาออกไปอย่างใจเย็น ผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันบริเวณจัตุรัสต่างพากันถอยห่างไปข้าง ๆ ไม่กล้าขวางทาง มีทั้งสายตาชื่นชมและอิจฉามากมาย

เมื่อมองไปยังท่าทางและสายตาของกลุ่มคนรอบตัว มี่ไลนั้นมีความสุขมาก นี่มันเหมือนกับที่พ่อของนางเคยพูดไว้กับนางก่อนหน้าที่ส่งตัวนางมาเป็นบ่าวรับใช้ของเรือนหลิงใหม่ ๆ พ่อของนางเคยกล่าวให้นางไม่ต้องสนใจผู้คนที่อาจจะดูหมิ่นและเยาะเย้ยนาง พ่อของนางบอกให้นางรอวันที่หลิงตู้ฉิงแสดงความสามารถให้โลกเห็น เมื่อวันเช่นนั้นมาถึงจะไม่มีใครกล้าพูดดูถูกนางอีกแน่นอน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความชื่นชมและพูดอย่างมีความสุข “นายท่าน ท่านช่างยอดเยี่ยมมาก! หลิงจู้ด้วย ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีพลังเช่นนี้!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะจากนั้นส่งหลิงจู้ให้นาง “วันนี้มันเสียพลังวิญญาณไปเยอะพอสมควร เมื่อกลับไปถึงเรือนแล้ว เจ้าจงใช้เคล็ดฝนฤดูใบไม้ผลิหล่อเลี้ยงมันให้ข้าสักหน่อย”

“ได้เลย นายท่าน!” มี่ไลพูดอย่างตื่นเต้น เวลานี้เมื่อนางมองไปที่หลิงจู้ ความรู้สึกมันช่างแตกต่างจากเมื่อวานที่นางมองมันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อนางได้รับหลิงจู้กลับมาอีกครั้งนางก็ยิ่งรู้สึกลิงโลดมากขึ้น

“ท่านพ่อ ท่านสุดยอดไปเล้ย!” หลิงไช่หยุนและคนอื่น ๆ ล้วนมีความสุข

“ในอนาคตพวกเจ้าก็สามารถทำแบบพ่อได้” หลิงตู้ฉิงให้กำลังใจหลิงว่านถิงและลูกคนอื่น ๆ ทุกคนต่างพยักหน้าบ่งบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนให้หนักและจะต้องมีวันที่พวกเขาสามารถโดดเด่นได้อย่างพ่อของพวกเขาโดยเร็วที่สุด

หลังจากพูดคุยเสร็จพวกเด็ก ๆ ก็หันไปมองเสี่ยวเยว่เฟิง และถามว่า “ท่านพ่อ พี่สาวคนนี้เป็นใคร?”

โดยไม่ต้องรอให้หลิงตู้ฉิงแนะนำนาง เสี่ยวเยว่เฟิงพูดว่า “ข้าเป็นสารถีของนายท่าน ข้ามีนามว่า เสี่ยวเยว่เฟิง”

“งั้นพวกเราจะเรียกท่านว่าพี่สาวเสี่ยว!” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

เสี่ยวเยว่เฟิงได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ นางเดินตามหลิงตู้ฉิงไปอย่างเงียบสงบ

ส่วนกงหยูและซ่งเหวินเถานั้นต่างมีคำถามมากมายในใจ แต่พวกเขาไม่กล้าเอ่ยถามพวกมันออกมา

แต่ทางด้านของโม่หยูถังนั้นไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยขณะที่เขาถาม “นายท่านแส้หางม้าชิ้นนั้นคือ สมบัติระดับราชวงศ์ใช่หรือไม่?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยการพยักหน้า

“ท่านพ่อ มันคืออะไรเหรอ?” หลิงว่านถิงถามอย่างสงสัย “เป็นสิ่งที่คนในราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้เหรอ?”

โม่หยูถังหัวเราะ “คุณหนูรองของข้า สมบัติระดับราชวงศ์ไม่ได้หมายถึงของที่คนในราชวงศ์ใช้ มันเป็นคำเรียกระดับของสมบัติวิเศษ เช่นระดับของสมบัติวิเศษ มีแบ่งไล่ระดับไปตั้งแต่ มนุษย์ ปฐพี วิญญาณ ราชวงศ์ และยังมีแบ่งขั้นเป็น ต่ำ กลาง สูง”

“ภายในอาณาจักรจันทราที่เราอาศัยอยู่ สมบัติระดับวิญญาณถือว่าเป็นของหายากและมีน้อยมาก ผู้ที่ครอบครองพวกมันจะมีก็แต่เพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนสมบัติระดับราชวงศ์ ความหายากของมันนั้นแม้แต่จักรพรรดิของอาณาจักรจันทราเองยังอาจจะไม่มีใช้!”

หลิงไช่หยุนกระพริบตาและถามว่า “ปู่โม่ถ้าอย่างนั้นมีอะไรที่แข็งแกร่งกว่าสมบัติระดับราชวงศ์อีกไหม แล้วจะเรียกมันว่าอะไร?”

“สำหรับระดับสมบัติที่แข็งแกร่งกว่าราชวงศ์นั่นคือ…” ขณะที่โม่หยูถังกำลังจะอธิบาย หลิงตู้ฉิงก็ขัดจังหวะคำพูดของเขา

“ในอนาคตเมื่อเจ้ามีพลังมากขึ้นเจ้าจะรู้ได้เองโดยไม่ต้องถามใคร ตอนนี้เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว มันเป็นอันตรายต่อการบ่มเพาะของเจ้า เมื่อเจ้ามีรากฐานที่มั่นคงแล้ว เจ้าถึงค่อยไปสนใจสิ่งอื่นเหล่านี้”หลิงตู้ฉิงกล่าวเตือนหลิงไช่หยุน

สำหรับคนอื่น ๆ พวกเขาที่ฟังอยู่ด้วย ต่างจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ของประเภทสมบัติด้วยความตั้งใจ พวกเขาคิดว่าหากเป็นไปได้พวกเขาก็อยากจะได้มันมาใช้บ้างสักชิ้นสองชิ้น

ตัดกลับมาที่ด้านของจัตุรัสเมือง เมื่อพวกของหลิงตู้ฉิงจากไป สถานการณ์ในตอนนี้เริ่มอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

หลังจากที่ตู้เหลยโตวตรวจสอบจนเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ เสร็จสิ้นแล้ว เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น หลังจากได้ยินเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างหลิงตู้ฉิงกับตระกูลเจิ้น เขาก็รู้แล้วว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับเขาสักเท่าไหร่

“ไอ้เวรนี่ ข้าไม่น่ารับมันเข้ามาอยู่ในสถาบันของข้าเลยจริง ๆ นี่มันคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวง!” ตู้เหลยโตวพูดอย่างเสียดาย “บ้าจริง ๆ ขนาดตายไปแล้ว ยังเหลือปัญหาให้ข้าต้องมาสะสางอีก แล้วไอ้หนุ่มนั่นจะคิดว่าข้าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วยรึเปล่าหว่า ดูเหมือนว่าข้าต้องไปอธิบายกับเขาสักหน่อยและต้องลองเชิญพวกเขาให้กลับมาเข้าร่วมกับสถาบันของข้าให้ได้”

เจ้าของสถาบันอื่น ๆ เองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน

สำหรับหยิงหวูเจี้ยง เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับการตัดสินอันดับของงานประลองเทศกาลบูชาเพลิงและวิธีการแจกรางวัล

แต่มีอยู่คนผู้หนึ่งที่กำลังยิ้มอย่างสบายใจเฉิบกับเรื่องวุ่นวายที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้

หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขายิ้มและพูดว่า “ยู่ชานเพียงแค่บรรลุส่วนเล็ก ๆ ของเจตจำนงในหมัดของข้า ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีนี่ถือว่าเป็นการเปิดหนทางไปสู่การบรรลุเจตจำนงแห่งหมัดของเขาเองในอนาคตให้บรรลุได้ง่ายขึ้น”

เมื่อเวลาผ่านไปถึงช่วงตะวันลับแสง หลิงยู่ชานได้ตื่นขึ้น เขาที่เพิ่งตื่นมีอาการงุนงงและจากนั้นจึงได้เอ่ยถามขึ้น “ท่านพ่อ ข้าแพ้หรือชนะงั้นเหรอ?”

ในช่วงเวลาที่เขาปล่อยหมัด ‘สั่นคลอนสวรรค์’ ออกไปมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาหมดสติไปพอดี เขาจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผลการประลองเป็นอย่างไร

“เจ้าชนะ” หลิงตู้ยิ้มและเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าได้สติแล้ว ก็ลุกขึ้นจากอ่างและไปอาบน้ำแล้วเข้านอนซะ พรุ่งนี้ตื่นเช้ามา เจ้าจะต้องมาเข้าชั้นเรียนของครูถังและเจ้ายังต้องฝึกต่อกับซ่งเหวินเถาอีก อย่าสายล่ะ!”

หลิงยู่ชานพยักหน้าจากนั้นจึงกระโดดออกจากอ่างและเดินเข้าไปยังเรือนเพื่ออาบน้ำและนอน

หลิงตู้ฉิงเองเมื่อเห็นลูกชายตนเองเดินเข้าไปในเรือนแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องตนเองเพื่อพักผ่อนเช่นกัน

ส่วนคนอื่น ๆ นั้นต่างแยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัวเองได้สักพักแล้ว

ส่วนเสี่ยวเยว่เฟิงที่เป็นผู้มาใหม่ ในคืนแรกนั้นนางจำเป็นต้องนอนเบียดกับมี่ไลชั่วคราวไปก่อน เนื่องจากยังไม่ได้มีการเตรียมห้องพักให้สำหรับนาง

เวลานี้ในค่ำคืนอันเงียบสงบของเรือนหลิงนั้น ในบรรดาที่อื่น ๆ ในเมืองฟินิกซ์มีแต่ความสับสนวุ่นวายถึงเรื่องงานประลองที่พึ่งผ่านไป

บรรดาหัวข้อที่ทุกคนในเมืองพูดคุยกันล้วนมีแต่เรื่องของคนในเรือนหลิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลิงยู่ชานที่อยู่ในระดับ 4 สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับ 10 ได้ หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่หลิงตู้ฉิงสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดาราได้ในชั่วพริบตาและอีกเรื่องคือเสี่ยวเยว่เฟิงที่เป็นถึงผู้นำกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่ควรจะเป็นคู่แค้นตัวฉกาจกลับกลายมาเป็นสารถีให้กับหลิงตู้ฉิง

ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องของหลิงจู้!

เฮ่อเจี้ยนปิงและหยิงหวูเจี้ยงต่างนั่งวิเคราะห์กันถึงเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไป “ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจะต้องมาตกตายง่าย ๆ เช่นนี้ อาวุธอันนั้นมันมาจากไหนกัน? หรือว่าจะเป็นเพราะอาวุธชิ้นนี้ที่ทำให้หลิงตู้ฉิงสามารถฆ่าคนทั้งหมดในเหตุการณ์ที่หอมรกตแดงได้? และอีกอย่างทำไมผู้นำกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตถึงมาเป็นสารถีให้หลิงตู้ฉิงกัน?”

พวกเขาสองคนต่างเดาสุ่มเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าไปหาหลิงจู้ แต่เมื่อยิ่งเดาเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นปริศนามากขึ้นเท่านั้น

“ข้าจะต้องไปเยือนเขาที่เรือนหลิงในวันพรุ่งนี้ จากนั้นข้าถึงค่อยกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อรายงานอาจารย์” เฮ่อเจี้ยนปิงเอ่ยกับหยิงหวูเจี้ยง

“ถ้างั้นข้าจะไปกับศิษย์พี่ด้วย ข้าเองก็ไม่ได้เจออาจารย์มานาน นี่เป็นโอกาสเหมาะเลยที่ข้าจะไปกระชับความสัมพันธ์กับอาจารย์ให้มากขึ้นอีกหน่อย” หยิงหวูเจี้ยงกล่าวเสริม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)