หลังจากมอบศพยักษ์เทวะทั้งสี่ให้กับหมิงหยางเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็เรียกหลิงยี่เทียนให้เข้ามาพบ และพูดว่า “นับจากนี้ศพยักษ์เทวะทั้งสี่จะคอยอยู่ช่วยเจ้าต่อกรกับเหล่าอสูร แต่ว่าร่างกายและดวงวิญญาณของหมิงหยางในตอนนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก ดังนั้นเจ้าจะต้องปกป้องเขาให้ดีในระหว่างที่เจ้าเรียกใช้งานเขา”
หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะสั่งให้คนของข้าปกป้องเขาให้ดีที่สุดแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “สุดท้ายนี้อีกสิ่งหนึ่งที่พ่ออยากจะเตือนเจ้าก็คือ สันเขาหมื่นอสูรนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่เจ้าเห็น ต่อให้ในอนาคตเจ้าจะต้อนพวกอสูรไปจนมุมที่สันเขาหมื่นอสูรก็ตาม เจ้าห้ามบุกเข้าไปในสันเขาหมื่นอสูรด้วยตัวเองเด็ดขาด เมื่อวันนั้นมาถึงเจ้าจะต้องรอพ่อเท่านั้น ซึ่งพ่อจะพาเจ้าบุกเข้าไปเองและอย่าลืมว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเจ้าก็คือการบ่มเพาะจนกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าให้ทันยุคนี้”
หลังจากชี้แนะคนในครอบครัวของเขาจนครบทุกคน หลิงตู้ฉิงก็ออกเดินทางอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีใครในครอบครัวของเขาเอ่ยขึ้นว่าจะตามออกไปด้วย เพราะพวกเขาต่างรู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะออกไปทำอะไร ซึ่งพวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะออกไปมีส่วนร่วมด้วยได้
สถานที่แรกที่หลิงตู้ฉิงเดินทางไปโดยประตูเคลื่อนย้ายก็คือสำนักกระบี่เอกภพ
หลังจากไปถึงสำนักกระบี่เอกภพ หลิงตู้ฉิงไปหามู่หยุนชาน และถามว่า “ช่วงนี้สำนักของเจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า? ว่าแต่ตอนนี้สำนักวิญญาณโลหิตได้ติดต่อกับเจ้าบ้างไหม?”
มู่หยุนชานตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านลุงตอนนี้พวกเราไม่มีปัญหาอะไร แต่ระยะหลังมานี้สำนักวิญญาณโลหิตไม่ได้ติดต่อพวกเรามาเลย แถมในบางเวลาข้ายังได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาจากอาณาเขตวิญญาณโลหิต ซึ่งมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนและข้าเองก็ไม่กล้าเข้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อืม เรื่องสำนักวิญญาณโลหิตเอาไว้เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูเอง” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
เมื่อได้รู้ว่าอาณาเขตสุสานกระบี่ปลอดภัยดี หลิงตู้ฉิงก็โล่งใจได้ไปเปราะหนึ่ง อันที่จริงสุสานเทพกระบี่ที่อยู่ในอาณาเขตเทพกระบี่นั้นมีอำนาจพอ ๆ กับตาชั่งของสำนักเงินตรา ซึ่งคนธรรมดานั้นไม่สามารถต่อกรกับมันได้อยู่แล้ว แต่หลิงตู้ฉิงก็ยังอดเป็นห่วงที่นี่ไม่ได้อยู่ดี
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินทางข้ามไปที่อาณาเขตวิญญาณโลหิตทันที และเมื่อเขาก้าวเข้าไปด้านในกลิ่นเลือดอันเหม็นคาวก็ตีเข้าจมูกเขาอย่างรุนแรง จนมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด
ที่มันมีกลิ่นเลือดเหม็นคละคลุ้งถึงขนาดนี้ได้มันมาจากสาเหตุเดียวก็คือเหล่าผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตกำลังใช้เลือดของสิ่งมีชีวิตและมนุษย์ที่อยู่ในอาณาเขตนี้มาบ่มเพาะ!
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงรีบมุ่งหน้าไปที่สำนักวิญญาณโลหิตทันที และเมื่อเขาไปถึงแล้วเขาแอบตรงเข้าไปที่ทะเลโลหิตทันทีเพื่อพบกับหมิงยู่โดยไม่ให้คนอื่นรู้ตัว
แต่แล้วเมื่อเขาไปถึงหน้าทางทะเลโลหิต เขาก็ได้พบว่าทั่วทั้งบริเวณมีม่านพลังปกคลุมอยู่ราวกับม่านพลังนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อปกป้อง แต่มันถูกสร้างมาเพื่อกักขังผู้ที่อยู่ข้างใน
แต่ม่านพลังแค่นี้จะหยุดเขาได้ยังไงจริงไหม?
เมื่อผ่านม่านพลังเข้าไปแล้ว หลิงตู้ฉิงเดินตรงเข้าไปที่ริมทะเลโลหิตอย่างรวดเร็ว
หมิงยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหลิงตู้ฉิง นางรีบปรากฏขึ้นทันทีและโผเข้ากอดเขาด้วยรอยยิ้มขมขื่น “นายท่าน ในตอนนี้ข้าไม่สามารถควบคุมอะไรในสำนักได้อีกแล้ว ด้วยอิทธิพลของผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบน เขาทำให้ทุกคนในสำนักเปลี่ยนไปจนหมด ส่วนตัวข้าเองถ้าไม่เป็นเพราะว่าข้าบ่มเพาะวิชาโลหิตอมตะ ซึ่งทำให้ข้าเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลโลหิต ผู้ส่งสาสน์นั่นคงจะจัดการข้าไปแล้วที่ไม่เชื่อฟังเขา”
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ “เฮ้อ เจ้าที่เป็นเผ่าอสูรโลหิต หลังจากนี้เจ้าจะต้องย้ายไปอยู่ที่เขตแดนอุดรทมิฬร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ จะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นด้วยวิถีการบ่มเพาะแบบของเจ้า หากเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปเจ้าจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์แน่นอนโดยเฉพาะกับสิ่งที่พวกเจ้าเพิ่งทำลงไป พวกเจ้าฆ่าล้างชีวิตแทบหมดอาณาเขตเพื่อบ่มเพาะเต๋าของพวกเจ้า เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปมนุษย์ทุกอาณาเขตจะมารุมทึ้งพวกเจ้าแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)