เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกลายร่างเป็นหมอกเลือดได้แบบนี้ ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนก็ไม่อาจระงับร่างของตัวเองที่สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวได้เพราะสิ่งที่เขาเห็นมันคือทักษะเดียวกับที่เขาใช้ ซึ่งมันคือทักษะของเทพโลหิตที่จำเป็นต้องมีความเข้าใจในเต๋าแห่งโลหิตถึงระดับสูงสุด!
ในตอนนี้เขาเองก็ใช้เต๋าแบบเดียวกัน ดังนั้นต่อให้เขาจะโจมตีหลิงตู้ฉิงแบบไหนมันก็จะไม่ได้ผล
เสียงของหลิงตู้ฉิงดังขึ้นทั่วบริเวณว่า “ถึงแม้ว่าเทพโลหิตของเจ้าจะตายด้วยน้ำมือข้า แต่ข้ากับเขาก็สู้กันอย่างยุติธรรม ซึ่งมันทำให้ข้านับถือเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่น่ายกย่องคนหนึ่ง ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาคิดแค้นเคืองข้าและต้องการคิดบัญชีกับข้า เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าการกระทำของเจ้าในตอนนี้มันไร้สาระสิ้นดี?”
“แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าอยากจะลองดีกับข้านัก งั้นข้าก็จะสนองให้และหลังจากนี้เมื่อข้าขึ้นไปโลกเบื้องบน เจ้าจงซ่อนตัวจากข้าให้ดี ๆ ก็แล้วกัน เพราะเมื่อไหร่ที่ข้าเห็นหน้าเจ้าอีกรอบ ข้าจะทำลายทั้งร่างและวิญญาณของเจ้าให้สิ้นซาก เอาล่ะตอนนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าสักครั้งเพื่อที่เจ้าจะได้หลาบจำเอาไว้ วิชามหาเวทย์สูบโลหิต!”
เมื่อพูดจบ ร่างของหลิงตู้ฉิงปรากฏขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้าเหนือสำนักวิญญาณโลหิต และด้วยอำนาจของวิชามหาเวทย์สูบโลหิต มวลเลือดทั้งหมดที่มีอยู่ในอาณาเขตวิญญาณโลหิตยกเว้นจากในร่างของสิ่งมีชีวิตถูกดูดอย่างบ้าคลั่งรวมเข้ามาอยู่ในอุ้งมือของหลิงตู้ฉิง
ในเวลานี้เลือดและหมอกเลือดทั้งหลายต่างถูกดูดเข้ามารวมอยู่ในอุ้งมือของหลิงตู้ฉิงจนกลายเป็นลูกแก้วโลหิตขนาดเท่ากับผลส้ม
ทางด้านของเว่ยกวนที่บ่มเพาะวิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เมื่อเลือดที่คอยเกื้อหนุนร่างเงาของเขาถูกสูบออกไป ร่างแท้จริงที่เป็นมนุษย์ของเขาก็ปรากฏขึ้นไม่ต่างกับผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบน ซึ่งร่างมนุษย์ของเขาก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน
ลูกแก้วโลหิตที่อยู่ในมือของหลิงตู้ฉิงขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนผ่านไปสักพักมันก็มีขนาดเท่าแตงโมและจากสีที่แดงฉานก็ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นคล้ำจนเกือบจะเป็นสีดำ ซึ่งในเวลาเดียวกันกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วอาณาเขตวิญญาณโลหิตก็เริ่มจางหายไป
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้ส่งสาสน์ของสำนักวิญญาณโลหิตด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าจะให้โอกาสคนของเจ้ารอดชีวิตสักหน่อย แต่เจ้าและพวกเขาทำเรื่องงามหน้าเอาไว้พอสมควรเลย ผู้คนและสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในอาณาเขตวิญญาณโลหิตโดนเจ้าและคนของเจ้าสูบเลือดไปจนหมด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงใจดีกับพวกเจ้าไม่ได้อีกต่อไป เอาล่ะงั้นข้าขอเริ่มจากเจ้าก่อนเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!”
ผู้ส่งสาสน์ของสำนักวิญญาณโลหิตรีบตะโกนขึ้นทันที “ช้าก่อนผู้อาวุโส! โปรดเห็นแก่บรรพบุรุษของข้าที่ท่านชื่นชม โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถอะ!”
เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงสามารถใช้ทักษะของเทพโลหิตได้แถมยังใช้ได้ในระดับที่สูงกว่าของเขา เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้อนวอนขอความเมตตา
อันที่จริงเหล่าผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบนจำนวนมากล้วนมีความคิดคล้าย ๆ กับจางซิงอี้ ซึ่งก็คือพวกเขาคิดว่าความทรงจำของหลิงตู้ฉิงน่าจะฟื้นคืนมาไม่สมบูรณ์ เพราะบรรดาผู้คนที่ล้มเหลวในการพิสูจน์เต๋าแทบทั้งหมดจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้หรือถ้าเกิดใหม่ได้พวกเขาก็จะมีข้อบกพร่องหลายอย่าง
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขารู้แล้วว่าความทรงจำของหลิงตู้ฉิงนั้นสมบูรณ์เหมือนเดิม เขาจึงไม่กล้าต่อกรกับหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป
“ไม่ใช่ว่าข้าให้โอกาสเจ้าไปแล้วเหรอ?” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “หากร่างหลักของเจ้าไม่มาเจอข้า ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า นี่คือโอกาสที่ข้ามอบให้แต่สำหรับร่างแยกของเจ้านั้นข้าคงต้องขอเอาไว้!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ดูดร่างแยกของผู้ส่งสาสน์ของสำนักวิญญาณโลหิตให้เข้ามารวมอยู่ในลูกแก้ว จากนั้นเขาลบจิตสำนึกที่อยู่ในร่างแยกออกเหลือไว้แค่เพียงพลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังของเต๋าที่สถิตอยู่ในร่างแยก
แน่นอนว่าลูกแก้วนี้ที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้น เขาตั้งใจจะมอบมันให้หมิงยู่ดูดซับเพื่อที่ในอนาคตนางจะได้กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้อย่างราบรื่น
ทางด้านของเว่ยกวน และผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตต่างตัวสั่นงันงกกันด้วยความกลัว พวกเขาต่างรีบคุกเข่าลงเพื่อร้องขอความเมตตา
แม้แต่ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของพวกเขายังตายอย่างง่ายดาย แล้วพวกเขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาต่อกรกับเทพมรณะผู้นี้?
“ผู้อาวุโสได้โปรดละเว้นพวกเราสักครั้งเถอะ! นับจากนี้พวกเราขอสาบานว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านแค่เพียงผู้เดียว และจะไม่ทรยศท่านอีกแน่นอน!” เว่ยกวนคุกเข่าขอร้องด้วยความกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)