กองทัพของหลิงยี่เทียนเคลื่อนทัพผ่านอาณาเขตต่าง ๆ ไปอย่างราบรื่นจนในที่สุดพวกเขาก็เดินทางไปถึงเมืองสันเขาทรราช
เมื่อเห็นว่ากองทัพของหลิงยี่เทียนเดินทางมาถึง หลิงยู่ชานรีบออกมาต้อนรับพวกเขาทันที
“พี่ใหญ่พวกเรามาถึงแล้ว!” หลิงว่านถิงหัวเราะ
หลิงยู่ชาน หัวเราะ “ข้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่พอดีเลย! ตอนนี้กองทัพของข้าก็พร้อมแล้วเช่นกัน!”
ในเวลานี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชานไม่สูงสักเท่าไหร่ เขายังคงอยู่ในระดับนภาคราม หรือขอบเขตสวรรค์ระดับ 7 เท่านั้น
เหตุผลที่ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นช้านั้นเป็นเพราะแนวทางของเขาคล้าย ๆ กับหลิงตู้ฉิง ซึ่งก็คือการทำให้รากฐานมั่นคงที่สุดก่อนเขาถึงจะเลื่อนระดับขึ้นไป
แน่นอนว่าการทำเช่นนี้มันทำให้เขากลายเป็นคนที่มีรากฐานการบ่มเพาะมั่นคงเป็นรองแค่หลิงตู้ฉิงคนเดียวเท่านั้น และความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่สามารถวัดได้ด้วยระดับการบ่มเพาะอีกต่อไป
อันที่จริงการรบกับเผ่าอสูรครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อหลิงยู่ชานอย่างใหญ่หลวง เพราะตอนนี้กำลังมีอสูรจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนให้เขาไปเอาเลือดของพวกมันมาบ่มเพาะ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยเลือดอสูรจำนวนมหาศาล มันจะทำให้เขาทะลวงระดับขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง!
ทุก ๆ คนหยุดพักกันที่นอกเมืองสันเขาทรราชอยู่สักพัก จากนั้นหลิงยู่ชานจึงนำทัพออกจากเมืองเพื่อที่จะเข้าร่วมกับหลิงยี่เทียนและมุ่งหน้าต่อไป
แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะพากันเดินทางไป เทียนเก๋อก็นำคนของเขาจำนวนมากออกจากเมืองมาขวางไว้ และตะโกนพูดกับหลิงยู่ชาน “ถึงแม้ว่าแซ่ของเจ้าจะเป็น ‘หลิง’ แต่จริง ๆ แล้วเจ้านั้นเป็นหนึ่งในพวกเราแซ่ ‘เทียน’ เมื่อไหร่กันที่พวกเราตระกูลเทียนจำเป็นต้องนำทัพออกไปช่วยรบในศึกที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”
“พวกเราคือกลุ่มคนที่มีสายเลือดของสวรรค์ ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเผ่ามนุษย์และถึงแม้ว่าน้องชายของเจ้าจะเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่เจ้าจะนำคนของเราออกไปพัวพันกับเรื่องระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูร!”
หลิงยู่ชานขมวดคิ้ว “เจ้าจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเจ้าไม่เกี่ยวกับข้า และข้าจะทำอะไรหรือจะไปช่วยใครมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า และอีกอย่างผู้คนเหล่านี้ติดตามข้าออกไปรบด้วยความเต็มใจ ดังนั้นเรื่องสมควรหรือไม่มันอยู่ที่พวกข้าคิดไม่ใช่เจ้าที่จะมาตัดสินแทน!”
เทียนเก๋อขมวดคิ้วและตอบกลับทันที “ในฐานะที่ข้าเป็นโอรสสวรรค์ของตระกูลเทียน ข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตระกูล! ในยุคนี้หากข้าบอกว่าไม่ เจ้าก็ต้องทำตาม!”
หลิงยู่ชานหัวเราะด้วยสีหน้าเย้ยหยันและพูดว่า “คนอย่างเจ้าเนี่ยนะมีสิทธิ์ตัดสินใจ? เจ้าคิดเองเออเองไปไกลมากไปหน่อยไหม? คนคดโกงอย่างเจ้าที่กล้าขโมยสายเลือดของคนร่วมตระกูล เจ้าควรจะถามผู้คนรอบ ๆ ก่อนว่ามีใครอยากจะเชื่อฟังคำสั่งของคนแบบเจ้าบ้าง!”
เทียนเก๋อจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของหลิงยู่ชาน จากนั้นเขาพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ข้ายอมรับว่าข้าเป็นฝ่ายผิดที่ขโมยสายเลือดของเจ้ามา แต่พ่อของเจ้าก็ฆ่าล้างคนของสันเขาทรราชไปมากมายแม้แต่เส้นชีพจรตระกูลในตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นฟู ต่อให้ข้าจะทำผิดต่อเจ้าจริง แต่สิ่งที่พ่อของเจ้าทำเอาไว้ข้าว่ามันมากกว่าความผิดที่ข้าทำกับเจ้าหลายเท่านัก หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างก็คือมันไม่แน่ว่าตอนนี้มันอาจจะเป็นเจ้าที่ติดค้างสันเขาทรราชซะมากกว่า”
“ดังนั้นในขณะที่หนี้ที่ครอบครัวเจ้าทำกับสันเขาทรราชเอาไว้ยังไม่ได้สะสาง ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องเป็นคนสะสางแน่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเอาคนของเราออกไปช่วยอาณาจักรของน้องชายเจ้าแน่นอน!”
ความขัดแย้งของพวกเขาทั้งคู่นั้นสั่งสมมานานแล้ว ซึ่งในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่จะปะทุขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)