หลังจากสังหารตี้จ้างเสร็จแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงยกเลิกการควบคุมกังหันยักษ์ และทำให้มันหายไป ส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างของโลกภายนอกกลับมาอยู่ในสภาวะปกติเหมือนเดิม
ส่วนบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เมื่อครู่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกอาฆาตของตัวเอง เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติพวกเขาก็สัมผัสได้ว่าจิตใจของพวกเขาปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้นแถมยังรู้สึกเป็นมิตรกับสิ่งต่าง ๆ รอบกายมากขึ้นกว่าเดิม
หลายคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายก็หยุดการต่อสู้ลง หลายอาณาจักรที่กำลังรบกันต่างก็พากันถอยทัพ แม้แต่การรบที่สันเขาหมื่นอสูรก็ไม่รุนแรงมากเท่าเดิม
แต่ถึงแม้ความรู้สึกอาฆาตจะน้อยลง แต่กองทัพพันธมิตรก็ยังคงล้อมสันเขาหมื่นอสูรเอาไว้เหมือนเดิม เพราะพวกเขามีเหตุผลที่มากพอในการที่พวกเขาต้องฆ่าล้างอสูรพวกนี้ให้ได้
ในเวลานี้หลังจากฆ่าตี้จ้างไปเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงเก็บอำนาจเต๋าสิบกว่ารูปแบบที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งเขาจงใจให้กังหันยักษ์เหลือพวกมันเอาไว้รวมไปถึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ส่วนหนึ่งที่เขาก็เหลือไว้เช่นกัน เพื่อใช้สำหรับเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตัวเขาเอง
ในเวลาไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็ดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จนหมด ซึ่งมันทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นไปอยู่ขอบเขตราชันขั้นสูง แต่แล้วจากนั้นต่อมาไม่นานบนหัวของเขาก็มีแสงสีทองส่องประกาย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาได้รับรางวัลจากสวรรค์อีกรอบจากการสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกและสวรรค์
แน่นอนว่ารางวัลครั้งนี้ ง้าวพินาศเทวะก็ได้รับเหมือนเดิมเช่นกัน
แต่หลิงตู้ฉิงกลับไม่เลือกที่จะดูดซับพลังที่ได้จากสวรรค์ เขาโบกมือส่งพลังสวรรค์มอบให้กระจายไปหลอมรวมกับโลกและพูดว่า “ข้าได้รับประโยชน์ไปมากพอแล้ว และอีกอย่างหากไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยเกื้อหนุนข้า ข้าก็คงไม่สามารถสำแดงอำนาจของวิชาข้าได้ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยของข้าตอนนี้ ขืนข้ารับรางวัลนี้อีกข้าคงต้องติดค้างเจ้าไปอีก”
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนสังหารตี้จ้างลงได้ แต่เขาก็ได้รับส่วนแบ่งไปแล้ว ซึ่งก็คือเต๋าสิบกว่ารูปแบบรวมไปถึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมาก ซึ่งมันทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาพัฒนาขึ้นไปอีก
เมื่อได้รับประโยชน์ไปแล้วขนาดนี้เขาจึงไม่อาจรับเพิ่มได้อีก
รางวัลหรือประโยชน์บางอย่างมันก็ไม่ควรที่จะหลับหูหลับตารับมาเพียงอย่างเดียว เพราะมันจะกลายเป็นผลเสียหากได้รับมามากเกินไป
หลังจากจัดการเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงก็บินออกจากเหวมรณะทันที ซึ่งเมื่อเขาออกจากเหวมรณะเขาก็ได้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ทางเหนือของภูมิภาคซ่งหยวน
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความมืดอันหนาแน่นที่รายล้อมอยู่รอบกาย หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่ข้าอยู่ในอาณาเขตแห่งความมืดงั้นเหรอ?”
อันที่จริงไม่ใช่แค่เพียงเขาอยู่ในอาณาเขตแห่งความมืด แต่เขายังโผล่มาใกล้ ๆ กับที่ตั้งของตำหนักเซียนมืดอีกต่างหาก
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตำหนักเซียนมืด ซึ่งทำหน้าที่คอยลาดตระเวนดูแลบริเวณรอบ ๆ เห็นการปรากฏกายของหลิงตู้ฉิงทันที เขารีบตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน “เจ้าเป็นใคร…”
แต่แล้วเมื่อเขาจ้องดูดี ๆ และได้รู้ว่าคนที่เขากำลังเผชิญหน้าด้วยอยู่คือหลิงตู้ฉิง เขาอุทานขึ้นเสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้ทันที “ไม่ไม่ไม่ไม่! เป็นไปได้ไม่ได้! ทุกคนเทพมรณะบุก!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของของพวกตัวเอง ทั้งตำหนักเซียนมืดก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตมหาจักรพรรดิ ต่างกรูกันบินออกจากตำหนักเซียนมืดตั้งท่ารับมือกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แต่สิ่งที่ทำให้หลิงตู้ฉิงประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือ ในบรรดาผู้คนจำนวนมากของตำหนักเซียนมืดมีคนอยู่ผู้หนึ่งที่เป็นผู้สำเร็จเต๋า
“โอ้เจ้าเองเหรอที่เป็นผู้สำเร็จเต๋าคนที่สาม?” หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้สำเร็จเต๋าของตำหนักเซียนมืด
ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้มีผู้สำเร็จเต๋าปรากฏขึ้น 4 คนเท่านั้น คนแรกคือจางจิงหง คนต่อมาคือ เย่เจียงไห่ ส่วนคนที่ 4 ก็คือ ซวนหยวน
หลิงตู้ฉิงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าคนที่สามนั้นคือคนของตำหนักเซียนมืด
ผู้สำเร็จเต๋าของตำหนักเซียนมืดพยักหน้าและตอบกลับ “ถูกต้องแล้วข้าคือคนที่สามที่สำเร็จเต๋าในยุคนี้!”
ท่าทางการตอบของเขานั้นดูไม่เกรงกลัวหลิงตู้ฉิงแม้แต่น้อย ซึ่งในฐานะที่เขาสามารถเป็นผู้สำเร็จเต๋าคนที่สามมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีความมั่นใจขนาดนี้
“ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าสวรรค์จะเป็นใจส่งเจ้ามาหาข้าแบบนี้ ข้ากำลังจะไปตามคิดบัญชีกับเจ้าอยู่พอดีที่เจ้าสังหารบรรพบุรุษของข้าไป ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้วก็อย่าหวังจะได้จากไปอีกเลย จงอยู่ที่นี่เพื่อสำนึกผิดในสิ่งที่เจ้าทำไว้จนกว่าเจ้าจะตายซะ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิคนหนึ่งตะโกนขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)