ยิ่งได้ฟังเรื่องราวของอาณาจักรผู้กล้าจากปากของจิ๋นชานมากเท่าไหร่ สีหน้าของหลิงยี่เทียนก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นเท่านั้น
ชะตากรรมของอาณาจักรมนุษย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางสันเขาหมื่นอสูรมันจะกลายเป็นอย่างไรเขาพอจะนึกภาพออก
ในเวลานี้จิ๋นชานถอนหายใจและเล่าต่อ “หลังจากที่ข้าเข้าสู่ฝันของอสูรที่เป็นสมาชิกของสภาอสูรสวรรค์ ข้าก็ได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วอาณาจักรผู้กล้าในอดีตนั้นคือโลกจำลองของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากผู้หนึ่งซึ่งใกล้จะตาย แต่พวกอสูรใช้วิธีการบางอย่างจึงสามารถเก็บรักษาโลกจำลองนี้ได้ และจากนั้นพวกมันก็จับเหล่ามนุษย์มาล้างสมองและส่งตัวไปอยู่ในอาณาจักรที่พวกมันสร้างขึ้นมาในโลกจำลอง ซึ่งก็คืออาณาจักรผู้กล้าเพื่อให้ออกลูกออกหลานมาเป็นอาหารของพวกมัน”
“และเพื่อทำให้เหล่ามนุษย์ออกลูกออกหลานกันได้ตามปกติ พวกมันจึงต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่สิ้นหวังมากเกินไป ซึ่งก็คือพวกมันมักจะแปลงกายเป็นเทพต่าง ๆ ไปมอบเคล็ดวิชาให้กับพวกมนุษย์เพื่อให้เหล่ามนุษย์มีความหวังในการอยู่รอด แต่แล้วเมื่อมนุษย์คนไหนที่บ่มเพาะจนถึงขอบเขตราชัน พวกมันจะสร้างสถานการณ์ราวกับว่ามนุษย์ผู้นั้นได้บรรลุขึ้นไปอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่แท้ที่จริงแล้วคือพวกมันจับมนุษย์ผู้นั้นออกมากินเป็นอาหาร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกมันอยากกินมื้อใหญ่ พวกมันจะสวมรอยว่าพวกมันเป็นสภาอสูรสวรรค์ส่งกองทัพเข้ารุกรานอาณาจักรผู้กล้าแทน และเมื่อพวกมันได้รับชัยชนะ พวกมันก็จะจับตัวมนุษย์ส่วนหนึ่งออกไป”
“ในเรื่องทั้งหมดนี้สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ พวกมนุษย์ของอาณาจักรผู้กล้านั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยที่ผ่านไป เหล่ามนุษย์ในอาณาจักรจะพากันติดตามผู้กล้าของพวกเขาต่อสู้กับเหล่าอสูรด้วยความหวังว่าจะชนะและกำจัดพวกสภาอสูรสวรรค์ให้หมดไปได้สักวันหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงพวกเขาไม่มีทางที่จะสู้ได้เลย ความพยายามของพวกเขาทั้งหมดมันเป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาของเผ่าอสูร เรื่องราวโหดร้ายเช่นนี้มันดำเนินซ้ำไปซ้ำมาเรื่อย ๆ มาถึงล้านปีแล้วฝ่าบาท”
เมื่อจบประโยคนี้ จิ๋นชานก็เริ่มหลั่งน้ำตาและไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก
หลิงยี่เทียน ในขณะนี้เขาทั้งโกรธทั้งอาฆาตทั้งเกลียดพวกเผ่าอสูรจนอยากจะฆ่าพวกมันให้หมดโลก
เขาคือราชันแห่งมวลมนุษย์ที่เอ่ยคำสาบานว่าจะปกป้องมนุษย์ทั้งมวล แต่ตอนนี้กลับมีมนุษย์นับพันล้านที่กำลังทุกข์ระทมอยู่ไม่ไกล เมื่อรู้เช่นนี้เขาจะยอมได้ยังไง?
ทางด้านของหลิงว่านถิง และคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเดือดดาลจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เหมือนกัน สิ่งที่พวกเขาคิดในหัวตอนนี้มีเพียงแค่อย่างเดียวคืออยากจะบุกเข้าไปในสันเขาหมื่นอสูรตอนนี้เพื่อฆ่าพวกอสูรให้หมด และช่วยเหล่าผู้คนของอาณาจักรผู้กล้าออกมา
“ใครก็ได้ไปเรียกแม่ทัพและผู้นำกองกำลังทั้งหมดมาหาข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะวางแผนถล่มสันเขาหมื่นอสูรและฆ่าอสูรทุกตัวที่มีอยู่บนโลกใบนี้ให้หมด!” หลิงยี่เทียนตะโกนขึ้นเสียงดัง
หลิงยี่เทียนวางแผนว่าจะบอกเรื่องนี้ให้กับทุกคนได้รู้เช่นกันเพื่อที่ทุกคนจะได้สู้ศึกนี้อย่างเต็มที่
หลิงยู่ชานรีบพูดขัดขึ้นทันที “น้องหกเจ้าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม! ตอนนี้ท่านพ่อยังไม่กลับมาพวกเราจะบุกเข้าไปแบบนี้ไม่ได้ และถ้าเจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ๆ ทุกคนจะต้องบุกเข้าไปในสันเขาหมื่นอสูรแบบไร้สติแน่นอน ท่านพ่อได้เตือนเรื่องนี้กับพวกเราเอาไว้หลายรอบมากเจ้าลืมไปแล้วรึไง ถ้าการบุกสันเขาหมื่นอสูรมันง่ายจริงท่านพ่อคงไม่ห้ามพวกเราไว้ เจ้าต้องใจเย็นและรอให้ท่านพ่อกลับมาเท่านั้นตามแผนเดิม!”
หลิงยี่เทียนส่ายหัวอย่างดื้อรั้น “พี่ใหญ่ข้ารอไม่ได้อีกแล้ว! ทุก ๆ วันที่ข้ารอมันหมายถึงชีวิตของเหล่ามนุษย์ในอาณาจักรผู้กล้าที่ถูกจับกิน ท่านอย่าได้พยายามโน้มน้าวข้าอีกเลย ข้าตัดสินใจแล้วไม่ว่าจะยังไงข้าจะต้องบุกสันเขาหมื่นอสูรวันนี้ให้ได้ ข้าเชื่อว่าถ้าท่านพ่อฟังอยู่ตอนนี้เขาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของข้า!”
หลิงยู่ชานขมวดคิ้ว และรั้งหลิงยี่เทียนเอาไว้พร้อมกับพูดว่า “น้องหก ฟังข้าก่อน ตั้งแต่ข้ามาถึงที่นี่สัญชาตญาณของข้ามันบอกอยู่ตลอดว่าในสันเขาหมื่นอสูรนั่นมีบางสิ่งบางอย่างที่พวกเราไม่สามารถรับมือได้ซ่อนอยู่ เจ้าจงเชื่อข้าเถอะใจเย็นลงก่อน แล้วรอท่านพ่อกลับมา”
“ไม่ว่าข้างในนั้นมันจะมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่ ข้าก็จำเป็นต้องเข้าไป!” หลิงยี่เทียนตอบกลับด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “พี่ห้า ข้าวานท่านที โปรดช่วยไปเรียกแม่ทัพและผู้นำกองกำลังมาหาข้าที วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะต้องบุกสันเขาหมื่นอสูรให้ได้!”
หลิงฟ่างหัวพยักหน้า จากนั้นนางหยิบประตูมิติของนางออกมาทันที
แต่ก่อนที่นางจะได้ทันเปิดประตูมิติของนางเพื่อติดต่อผู้คนอื่น หลิงยู่ชานกลับเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านคงต้องพูดด้วยตัวเองแล้ว ตอนนี้น้องหกดื้อรั้นเกินกว่าจะฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)